9/06/2566

[Skyrim] ว่าด้วยเรื่องการเป็น Thane (ขุนนาง) ของเมืองต่างๆ

 
เอนทรี่นี้เป็นส่วนหนึ่งของเพจ
 
 
หากจะเอาไปลงที่อื่น กรุณาใส่ credit นะคะ ถึงเราจะทำด้วยใจรักก็เหอะ...
 
 
ว่าด้วยเรื่องการเป็น Thane (ขุนนาง) ของเมืองต่างๆ

Thane คือ ตำแหน่งขุนนางผู้มีเกียรติ์สูงสุดของเมืองแต่ละเมืองในสกายริม การที่ Jarl จะมอบหมายให้ใครสักคนเป็น Thane ได้นั้น ย่อมหมายถึงบุคคลนั้นมีบุญคุณต่อเมืองนั้นๆอย่างมหาศาล โดยทั้ง Jarl และชาวเมืองต่างเห็นพ้องต้องกันว่า คนผู้นี้สมควรแล้วที่จะเป็น Thane ของเมือง

 

ข้อดีของการเป็น Thane

1. สามารถซื้อบ้านในเมืองนั้นๆได้ ถ้าเป็นเมืองใหญ่อย่าง Whiterun / Windhelm / Solitude / Riften / Markarth

2. สามารถใช้อำนาจขุนนาง เบี้ยวการจ่ายค่าปรับได้ในกรณีที่ทำผิดกฎหมาย แต่ใช้บ่อยไม่ได้

3. จะได้คนรับใช้ส่วนตัวมา 1 คนต่อเมืองใหญ่ 1 เมือง ซึ่งเขาจะคอยเฝ้าบ้านเราให้

 

** คนรับใช้ที่พวกเรารู้จักกันดีที่สุดก็คือ Lydia ซึ่งเขาจะคอยตามเราหลังจบเควส Dragon Rising เพราะเราได้เป็น Thane ของ Whiterun ตอนจบเควสค่ะ

** Whiterun สามารถเป็น Thane ได้โดยไม่ต้องซื้อบ้าน แต่ถ้าหาเรื่องใส่ตัวก็ต้องซื้อก่อนอยู่ดี (เล่นเนื้อเรื่องสงครามจน Jarl Balgruuf โดนเตะทิ้ง)

** Windhelm ถ้าทำเนื้อเรื่องสงครามระหว่าง Stormcloak กับ Imperial เสร็จถึงระดับนึงถึงจะซื้อบ้านได้ และต้องทำเนื้อเรื่องสงครามจนจบเลย ถึงจะสามารถเป็น Thane ได้

 

 

เงื่อนไขการเป็น Thane ของแต่ละเมือง

ถ้าเราเล่นเนื้อเรื่องหลักจนจบ Dragon Rising เราจะได้เป็น Thane of Whiterun (ขุนนางของเมือง Whiterun) โดยอัตโนมัติ แต่เมืองอื่นนี่ เรื่องมาก และ มากเรื่องค่ะ... (บางเมืองเจ้าของบล็อกอยากเอาบาทาลูบหน้ามันงามๆเลยทีเดียว...)


หลักๆ การจะเป็น Thane จะต้องทำเควสตีสนิท Jarl ของแต่ละเมืองก่อน ซึ่งแตกต่างไปตามแต่ละเมืองดังนี้ค่ะ

 

Whiterun
(ในกรณีที่เราเล่นเนื้อเรื่องสงคราม ฝ่าย Stormcloak และทำให้ Jarl Balgruuf โดนเตะออก)

ให้ไปคุยกับ Vignar Grey-Mane ที่ขึ้นเป็น Jarl แทนค่ะ เขาจะให้เราทำตามเงื่อนไขข้างล่างเลย

 

 

Windhelm
[ WARNING!! BUG FOUND!!! ]

ไอ้ตัวแดงข้างบนนี่ไม่ได้ล้อเล่นนะคะ... บั๊กตัวแสบเลยด้วย...

 

เงื่อนไข 1: ต้องทำเควสสืบคดีฆาตกรรม Blood on the Ice ก่อน

บทสรุปเึควสคดีฆาตกรรม Blood on the Ice

เควสสืบคดีฆาตกรรมนี้ จะรับได้เมื่อเดินเข้าเมือง Windhelm อย่างน้อย 4 ครั้ง แล้วจะมีเหตุการณ์ คนโดนฆ่า ให้วิ่งไปดูตรงสุสาน จะเจอ Susanna the Wicked เป็นศพกองอยู่บนสุสาน ให้คุยกับยามแถวนั้น แล้วไปคุยกับ Jorleif ในวัง Palace of the King

พอคุยกับ Jorleif เขาจะให้เราช่วยสืบคดี แล้วจะให้เราไปคุยกับพยานทั้งหลาย ให้เราไปคุยกับ Helgrid ใน Hall of the Dead จากนั้นเดินไปที่สุสาน มองหารอยเลือด แล้วเดินตามรอยเลือดไป รอยจะไปสิ้นสุดที่หน้าคฤหาสน์ Hjerim

ประตูคฤหาสน์จะล็อคอยู่ จะงัดประตูเข้า หรือ จะไปถามยามก็ได้ ยามเขาจะบอกให้ไปคุยกับ Tova Shatter-Shield ซึ่งพอไปคุยเขาจะให้กุญแจคฤหาสน์มา พอเข้าไปแล้วให้ตามรอยเลือดไปจากนั้นให้รื้อหาข้อมูลให้ทั่ว เราจะเจอใบปลิว Beware the Butcher!, Butcher Journal #1, Butcher Journal #2, และ Strange Amulet พอเจอเครื่องรางนี่แล้ว ให้ไปคุยกับยาม เขาจะแนะให้ไปหา Calixto ที่ The House of Curiousity หรือ Viola Giordano (อย่าลืมหยิบใบปลิว Beware the Butcher! ไปด้วย ไม่งั้นเจ๊ Viola จะไม่คุยกับเรา)

- พอไปคุยกับ Calixto เขาจะนำเสนอทัวร์พิพิธภัณฑ์ของเขา ให้ตอบตกลง แล้วพอเรายื่นเครื่องรางให้ดู เขาจะพูดนิดหน่อย(ว่ามันคืออะไร) แล้วขอซื้อเครื่องรางในราคา 500 (ขายๆไปเหอะ เครื่องรางติดบั๊ก)

- พอไปคุยกับ Viola ถ้าเราหยิบ Butcher's Journal มาด้วย Viola จะบอกให้เราไปหา Wuunferth

 

ตอนนี้เนื้อเรื่องเควสจะแยกอีก ว่าเราจะไปคุยกับ Wuunferth หรือ Jorleif (ระวังด้วย เพราะจะมีลูกศรชี้ไปหา Jorlief อย่างเดียว ใครขี้เกียจรอก็ไปคุยกะ Wuunferth แล้วห้ามคุยกับ Jorlief จนกว่าจะจบเควส)

- ถ้าไปหา Wuunferth เขาจะโวยวาย แต่จะบอกว่าเขาเองก็สืบคดีอยู่ แล้วเขาจะขอให้เราไปคอยเฝ้าพื้นที่ Stone Quater ตอนกลางคืน ตอนนี้ให้เมินลูกศรที่ชี้ไปหา Jorleif แล้วไปดักที่ Stone Quarters

ถ้าไปหา Jorleif เราจะบอกว่า Wuunferth คือตัวการ แล้ว Wuunferth ก็จะโดนจับ แล้วเควสจะจบ(ชั่วคราว) แต่หลังจากนี้ 3 วัน (ให้ไปเมืองอื่น) พอกลับมาจะเจอเหตุการณ์ฆาตกรรมอีก แล้วเราจะโดนยามโวย เควสจะเด้งกลับมาอีกครั้ง แล้วจะต้องไปคุยกับ Wuunferth ที่โดนขังอยู่ พอไปคุย Wuunferth จะกัดเราว่าสืบได้ห่วย แล้วจะบอกให้เราไปดักที่ Stone Quarters

 

ไม่ว่าเลือกทางไหน ให้ไปดักที่ Stone Quaters แต่พอเวลาเลยตี 2 เราจะได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือ ให้วิ่งไปที่ลานขายของให้เร็วที่สุด เพราะเหยื่อจะอยู่หรือจะตายก็ขึ้นกับตอนนี้ พอวิ่งไปจะเจอนาย Calixto กำลังจะเชือดเหยื่อรายต่อไป ให้จัดการซะ พอยามเดินมาเขาจะให้เราไปหา Jorleif

ถ้าช่วยเหยื่อไม่ทัน นาย Calixto จะวิ่งหนีไปที่ Hjerim พอเราตามไปมันจะมาสู้กับเรา ให้จัดการซะ แล้วหยิบกุญแจมันมา จากนั้นลองไปที่บ้านมันดู จะเจอหีบที่ไขได้แล้วข้างในจะมีสาเหตุว่าทำไมนายนี่ถึงมาเป็นฆาตกร แล้วก็กลับไปคุยกับ Jorleif เพื่อจบเควส

** เควสนี้ต้องทำก่อนที่จะจบเควสสงคราม ไม่งั้นจะไม่มีการฆาตกรรม ทำให้เควสนี้ไม่มีวันทำได้เลย

เงื่อนไข 2: เล่นเควสสงคราม Stormcloak VS Imperial จนจบ

หลังจบเควส ให้ไปคุยกับ Jarl ของ Windhelm ขณะนั้น เขาจะพูดเรื่องการเป็น Thane

 

** เพิ่มเติม ** เจ้าของบล็อกคอนเฟิร์มแล้วว่าไม่ต้องกลางคืนก็เจอคดีฆาตกรรมได้ และไม่จำเป็นต้องเกิดในครั้งที่ 4 ที่เข้าเมือง (เดินเข้าออกอยู่ 10 กว่ารอบ ด้วยตัวละครใหม่) แต่เนื่องจากเราไม่รู้มันจะเกิดเมื่อไหร่ ขอให้วิ่งไปสุสานทุกครั้งที่เข้าเมืองนะคะ (มันจะเกิดในมุมอับ บางทีวิ่งลงบันไดไปเพราะมองไม่เห็น แต่โดนยามเรียกถึงได้รู้ว่าเกิดฆาตกรรมแล้ว)

** เพิ่มเติม ** คุณ Horrorday บอกเจ้าของบล็อกมาว่า ถ้าซื้อบ้านได้สำเร็จ จะยังสามารถทำเควส Blood on the Ice ได้แม้จะจบเนื้อเรื่อง Stormcloak หรือ Imperial แล้ว... โดยหลังซื้อบ้านให้เข้าไปหยิบพวกเอกสารหรือของอื่นๆ แล้วจะทำเควสได้ แต่จะต้องยอมจับผิดตัวเพื่อให้ Wuunferth บอกเรื่องตัวจริงก่อน (ตอนนี้คุณ Horrorday เป็น Thane ไปแล้ว แต่เจ้าของบล็อกทดสอบกับตัวละครเก่าไม่ได้ผลอยู่ ถ้าสำเร็จจะมาอัพเดทอีกครั้งค่ะ **

 

** เพิ่มเติม ** แต่ถ้าอยากเป็น Thane ตัวสั่น แต่นาย Jorlief ไม่ยอมขายบ้านซะที ก็ใส่ Console Command ตามนี้นะคะ **

setstage a7b33 10

completequest ms11

completequest ms11b

โค้ดแรกคือ เราจะได้บ้านมา(ซื้อบ้านแล้ว) โค้ดบรรทัดที่ 2-3 คือ ทำเควส Blood on the Ice จบทั้ง 2 สเตจ และเราจะสามารถอัพเกรดบ้านได้ค่ะ

** เพิ่มเติม ** คอนเฟิร์มอีกเรื่องนะคะ ใครมือบอน ขโมย Hjerim Key จาก Tova Shatter-Shield หรือ ทำเควสของ Dark Brotherhood ฆ่า Nilsine Shatter-Shield ไป มีสิทธิ์เจอบั๊ก เควสไม่ยอมโผล่ได้ค่ะ **

 

 

Solitude

ให้ไปที่วัง Blue Palace ในเมือง Solitude จากนั้นคุยกับ Falk Firebeard รับเควส The Man who Cried Wolf มา จัดการทำให้เสร็จซะ

บทสรุปเควส The Man who Cried Wolf

หลังรับเควสให้เดินทางไปที่ Wolfskull Cave ทางตะวันตกของเมือง Solitude แล้วตะลุยดันเจี้ยนกวาดล้างให้หมดซะ ศัตรูในนี้จะเป็นนักเวทย์ ให้ฆ่าให้หมด พอไปตามทางปีนหอคอยขึ้นไปฆ่า Ritual Master เสร็จก็จะไม่มีศัตรูเหลือ ให้เดินไปสับสวิทช์ให้สะพานลงมาแล้วเดินไปเก็บหีบสมบัติแล้วออกจากดันเจี้ยน กลับไปรายงานกับ Falk Firebeard

จากนั้นให้ คุยกับ Jarl Elisif the Fair เขาจะขอให้เราช่วยเอาแตรของสามีเขาไปวางที่แท่นบูชาของเทพ Talos ให้เปิดมาร์กเกอร์ เดินทางเอาแตรไปวาง พอกลับมาคุยกับ Elisif เขาจะพูดเรื่องเป็น Thane

 

 

Riften

ให้ไปที่ท่าเรือ มองหามนุษย์กิ้งก่าชื่อ Wujeeta คุยกับเขาเขาจะขอ Healing Ption เรา 1 ขวด ให้เอาให้เขาไป แล้วถามเขาเรื่องคนขาย Skooma (เลือกข้อ "Where do you get your skooma?") อาจต้องกล่อมเขาสักหน่อย เขาจะบอกเรามา ตอนนี้ให้เราไปที่วัง Mistveil Keep แล้วคุยกับ Jarl เลือก "I've discovered a skooma deal in Riften." เขาจะขอให้เราไปกวาดล้าง ให้ตอบตกลง แล้วเดินทางไปที่ Riften Warehouse จัดการศัตรูที่ขวางทางแล้วเดินลงไปชั้นใต้ดิน แล้วสำรวจ จะมีห้องนึงที่เปิดได้ด้วย Sarthis's Key ให้เข้าไปแล้วสำรวจ Sarthis's Satchel อ่านโน้ต Shipment's Ready ที่อยู่ในนั้น แล้วกลับไปหา Jarl เลือก "Sarthis Idren has been taken care of." แล้วเขาจะขอให้เราช่วยถอนรากถอนโคนพวกที่เหลือที่ Cragslane Cavern ให้เดินทางไปที่นั่น (อยู่ทางเหนือของ Riften เลยหมู่บ้าน Shor's Stone ไป) แล้วจัดการล้างบางพวกในถ้ำให้เรียบ เสร็จแล้วกลับไปรายงาน Jarl จากนั้นจะมีหัวข้อเรื่องเป็น Thane ให้เลือก

** ถ้าเกิด Jarl ยังไม่มีหัวข้อเรื่อง Thane ให้คุย ให้ทำเควสช่วยชาวบ้านทะลุ 5 เควสไปเลยค่ะ เพราะถ้า Jarl ยังไม่คิดว่าเราเป็นคนดังพอ เขาจะไม่พูดเรื่องนี้

 

 

Markarth

Markarth เป็นเมืองที่ เป็น Thane ได้ 2 วิธีค่ะ

1. เล่นแบบธรรมดา ให้ไปคุยกับ Raerek แล้วเลือก "I'm looking for work. Got any leads?" เพื่อรับเควสกวาดล้างพวก Forsworn จากนั้นก็ไปกวาดล้างตามเควส แล้วกลับไปคุยกับ Raerek เพื่อเอาค่าตอบแทน จากนั้นไปคุยกับ Jarl Igmund แล้วเลือก "Do you have any more work for me?" เขาจะใช้เราไปทำงานส่วนตัว คือ ให้ไปเอาโล่ของพ่อเขาที่ตายในการต่อสู้กับพวก Forsworn มาให้เขา ให้เดินทางไปที่ที่กำหนดเพราะบางครั้งมันจะสุ่มสถานที่ ให้ฆ่าศัตรูให้เรียบแล้วเปิดหีบหยิบโล่ จากนั้นกลับไปคุยกับ Igmund เขาจะอนุญาตให้เราซื้อบ้านในเมืองได้ และจะมีหัวข้อเรื่องการเป็น Thane ขึ้นมาให้คุย

2. เล่นแบบไม่ซื่อ ให้เล่นเควสสงครามระหว่าง Stormcloak กับ Imperial โดยเข้ากับฝ่าย Stormcloak หลังจาก Stormcloak เข้าครอง Markarth เมืองจะเปลี่ยน Jarl เป็น Thongvar Silver-Blood ซึ่งเราสามารถคุยเรื่อง Thane ได้เลย

 

Dawnstar
[ WARNING!! BUG FOUND!!! ]

ให้เดินทางไปที่โรงแรม Windpeak Inn ในเมือง Dawnstar จะเจอเหตุการณ์ที่พระชื่อ Erundur คุยกับคนอื่นในโรงแรมเรื่องฝันร้ายที่หลอกหลอนคนท้องถิ่น พอคุยกับเขา แล้วจะเริ่มเควส Waking Nightmare (1 ใน Daedric Quest) ให้ทำเควสนี้ให้จบ จากนั้น Jarl ของเมือง Dawnstar จะมีตัวเลือกเรื่องเป็น Thane ให้

บทสรุปเควส Waking Nightmare

หลังคุยกับ Erundur เขาจะเดินนำเราไปที่วิหาร Nightcaller Temple ให้คุยกับเขาก่อนเข้าวิหาร แล้วเดินตามเข้าไป จากนั้นให้ตาม Erundur ไปเรื่อยๆ แล้วเราจะพบว่าทางไปต่อมันโดนสนามพลังขวางไว้ แล้วเราจะต้องไปห้องสมุดซึ่งอยู่อีกทางเพื่อหาเบาะแสไปต่อ เดินตาม Erundur ไป แล้วคุยกับเขา เขาจะให้เราช่วยหาหนังสือ "The Dreamstride" (มันจะวางหลบมุมอยู่บนชั้น 2) ให้หยิบหนังสือมาให้เขา แล้วเขาจะเดินนำไปที่ห้องทดลอง ซึ่งเราจะต้องหาขวดยา Vaermina's Torpor (วางอยู่บนชั้น เป็นขวดสีดำๆ ถ้าเปิดมาร์กเกอร์มันจะชี้ไปที่ขวดเลย) ให้หยิบยามาให้ Erundur แล้วเขาจะบอกให้เรากินยาซะ จากนั้นจะเป็นคัทซีน แล้วเราจะต้องเล่นเป็นนักบวชในวิหารนี้ ให้เดินไปตามทางไปสับสวิทช์ แล้วเราจะกลับมาเป็นตัวเรา และยืนอยู่หน้าสวิทช์ ให้สับสวิทช์เพื่อปิดม่านพลังซะ คุยกับ Erundur แล้วเราจะต้องไปต่อ ให้ตาม Erundur ไปจนถึงห้องในสุด หลังบทสนทนาสั้นๆ และ จัดการศัตรูแล้ว Erundur จะทำพิธีเพื่อลบล้างคำสาปของกะโหลก Skull of Corruption ซึ่งตอนนี้เราจะได้ยินเสียงของ Vaermina ในหัว แล้วเราจะเลือกได้ว่าจะฆ่า Erundur หรือไม่

-ถ้าฆ่า เราจะได้ Skull of Corruption มาใช้ (ถือเป็น 1 ใน Daedric Artifact ส่วนหนึ่งของ Achievement / Trophy "Oblivion Walker")

-ถ้าไม่ฆ่า Skull of Corruption จะหายไปตลอดกาล และ จะสามารถเอา Erundur มาเป็นผู้ติดตามได้

** บางครั้ง Skald จะไม่มีหัวข้อเรื่องเป็น Thane ให้คุย ให้เราเล่นเนื้อเรื่องหลักจนจบ Season Unending แล้ว Skald จะโดนเตะออก เปลี่ยนเป็น Brina แทน ซึ่ง Brina คุยได้ตามปกติค่ะ

 

 

Falkreath

ไปคุยกับตัว Jarl เอง เขาจะขอให้เราช่วยไปเอาเหล้ามาให้หน่อย พอเอามาให้ เขาจะพูดเรื่องเป็น Thane (ไอ้ขี้เหล้านี่!?)

 

 

Morthal

ต้องทำเควส Laid to Rest ก่อน Jarl ถึงจะมีหัวข้อเรื่องเป็น Thane ให้คุย

บทสรุปเควส Laid to Rest

ไปที่โรงแรม Moorside Inn ในเมือง Morthal หรือ คุยกับยามในเมือง Morthal ก็ได้ ถามเรื่องไฟไหม้  แล้วเขาจะให้เราไปหา Jarl พอไปคุยกับ Jarl เขาจะให้เราช่วยสืบคดีไฟไหม้ ให้เดินไปที่บ้านที่ไฟไหม้ จะเจอผีเด็กชื่อ Helgi คุยกับเขาแล้วเขาจะให้เราเล่นซ่อนหา ให้รอจนมืด แล้วเดินออกไปทางหลังบ้าน ขึ้นเนินไปทางตะวันตก จะเจอ Laelette the Vampire ให้ฆ่าซะ แล้วสำรวจโลงศพใกล้ๆ Helgi จะพูดกับเรา จากนั้นสามีของ Laelette ชื่อ Thonnir จะเดินมาคุยกับเรา คุยเสร็จเราจะต้องไปค้นบ้านของ Alva จะรอจนกลางวันแสกๆ แดดส่องหัว ให้ Hroggar ออกไปทำงานก่อน จากนั้นสะเดาะกลอนเข้าบ้าน Alva ก็ได้ (จะได้ไม่ต้องสู้กับ Hroggar) พอเข้าไปแล้วเดินลงชั้นใต้ดินเข้าไปใน Alva's Cellar ยัยตัวแสบจะลุกจากโลงมาสู้กับเรา ให้จัดการซะ แล้วหยิบ Alva's Journal ในโลงมาด้วย กลับไปคุยกับ Jarl เขาจะให้เราช่วยล้างรังแวมไพร์ให้หน่อย เดินออกมาจะเจอชาวบ้านมาชุมนุมกัน ไม่ต้องสน (เพราะชาวบ้านไม่ตามเข้าไปช่วยเราอยู่ดี ไม่ต้องรอ) วิ่งไปที่ Movarth's Lair ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมือง แล้วล้างบางรังแวมไพร์ซะ เดินกลับออกมาจะเจอ Helgi เขาจะบอกลา แล้วให้เรากลับไปคุยกับ Jarl เพื่อจบเควส Laid to Rest

** ใครอยากเป็นแวมไพร์ก็ยืนโดนตบไปเลยค่ะ แถวนี้แวมพ์เยอะมาก (ฮา)

 

 

Winterhold

ให้ไปคุยกับ Jarl เขาจะพูดถึงหมวกเกราะในตำนานแล้วจะขอให้เราไปเอามาให้จากดันเจี้ยน(สุ่ม) ให้ไปลุยดันเจี้ยนเอาหมวกมาให้ แล้วเขาจะพูดเรื่องเป็น Thane ค่ะ

** เควสนี้เป็นของ Jarl Korir เท่านั้นนะคะ ใครทำไม่ทันก่อนทำเควสที่เตะ Jarl Korir ออกจากตำแหน่ง เควสนี้จะคาอยู่ใน Misc. ของคุณตลอดไป และ ทำให้เควสอื่นๆหลายเควสบั๊กไปด้วยค่ะ

 

ซึ่งพอทำเควสนั้นๆจบ แล้วคุยกับตัว Jarl จะมีตัวเลือกว่า "My Jarl, is there anything else you need?" เขาจะให้เราไปทำเงื่อนไขต่อดังนี้ค่ะ

1. ซื้อบ้านในเมืองนั้นๆ (เมืองใหญ่เท่านั้น)

2. ช่วยเหลือประชาชน (ทำเควส) ในเมืองนั้นๆ ตามที่กำหนด (เมืองใหญ่ 5 เควส, เมืองเล็ก 3 เควส) โดยจะขึ้นเป็น Misc. Quest ว่า "Assist people of (ชื่อพื้นที่) ??/??"

 

พอทำจนครบให้กลับไปคุยกับ Jarl แล้วเขาจะแต่งตั้งเราเป็น Thane ค่ะ

 

ตำแหน่ง Thane ของแต่ละเมือง แตกต่างกันไปตามนี้ค่ะ

Whiterun - Thane of Whiterun

Windhelm - Thane of Eastmarch

Solitude - Thane of Haafingar

Riften - Thane of the Rift

Markarth - Thane of the Reach

Dawnstar - Thane of the Pale

Falkreath - Thane of Falkreath

Morthal - Thane of Hjaalmarch

Winterhold - Thane of Winterhold

 

อ้อ... เผื่อใครงง เราเป็น Thane ทุกเมืองในเวลาเดียวได้นะคะ (เจ้าของบล็อกเป็นอยู่)

 

ส่วนใครขี้ลืมว่าเราเป็น Thane เมืองนั้นอยู่ไหม ต้องทำใจที่เกมไม่มีบอกนะคะ (เพราะในเมืองใหญ่คงไม่มีใครขี้ลืมขนาดลืมว่าซื้อบ้านไว้เมืองไหนบ้าง) ส่วนเมืองเล็กๆนี่ ทดสอบด้วยการเซฟ แล้วจงใจทำผิดค่ะ มันจะมีตัวเลือกเบี้ยวค่าปรับให้ ถ้าเราเป็น Thane (จากนั้นก็โหลดเอา)

 

 

เอนทรี่ว่าด้วยการเป็น Thane จบเท่านี้  เอนทรี่ต่อไปยาวหน่อยนะคะ

 

9/04/2566

[Skyrim] ว่าด้วยข้อมูลของ Hearthfire (Part 2/2) - การตกแต่งบ้าน

 
เอนทรี่นี้เป็นส่วนหนึ่งของเพจ
 
 
หากจะเอาไปลงที่อื่น กรุณาใส่ credit นะคะ ถึงเราจะทำด้วยใจรักก็เหอะ...
 
 
ว่าด้วยข้อมูลของ Hearthfire (Part 2/2)
 

เอนทรี่ต่อจากภาค 1 ว่าด้วยการตกแต่งภายในของแต่ละห้องนะคะ...

 

เวลาตกแต่งภายใน เราจะต้องเดินไปกดสำรวจ Workbench ในห้องนั้นๆ แล้วเลือกสร้างของ โดยของที่เราสร้างได้จะแตกต่างไปตามห้อง

 

 

Small House (บ้านเล็กแรกสุด)

รวมของที่ต้องใช้ : Nails x20, Sawn Log x11, Iron Fittings x4, Leather Strips x4, Goat Horns x2, Iron Ingot x2, Straw x2, Glass x1, Hinge x1, Quarried Stone x1

 

ข้าวของในห้องทั้งหมดที่สร้างได้

 

 

Main Hall (โถงกลาง)

**ตัว Main Hall เองแตกย่อยไปอีก โดยแต่ละส่วนย่อยของ Main Hall เองจะมี Workbench ตั้งอยู่ จะสร้างส่วนไหนต้องไปส่วนนั้น

รวม ของที่ต้องใช้(ทุกห้อง) : Nails x125, Sawn Log x76, Iron Fittings x21, Leather Strips x21, Hinge x17, Iron Ingot x13, Glass x9, Slaughterfish Scales x8, Goat Horn x6, Quarried Stone x5, Straw x4, Large Antler x3, Lock x3, Steel Ingot x3, Deer Hide x2, Horker Tusk x2, Mudcrab Chirin x2, Sabre Cat Tooth x2, Wolf Pelt x2, Goat Hide x1, Gold Ingot x1, Grand Soul Gem x1, Quicksilver Ingot x1, Refined Moonstone x1, Sabre Cat Snow Pelt x1

 

ข้าวของในห้องทั้งหมดที่สร้างได้

 

 

Alchemy Laboratory (ห้องปรุงยา)

รวมของที่ต้องใช้ :

Nails x34, Sawn Log x20, Iron Fittings x12, Hinge x8, Goat Horn x7, Iron Ingot x7, Steel Ingot x6, Lock x4, Glass x3, Mudcrab Chitin x2, Leather Strips x1, Quicksilver Ingot x1

 

ข้าวของทั้งหมดในห้องที่สร้างได้

 

 

Armory (ห้องอาวุธชุดเกราะ)

รวมของที่ต้องใช้ :

Nails x63, Sawn Log x48, Iron Fittings x25, Goat Horn x9, Hinge x8, Leather Strips x8, Quarried Stone x8, Glass x6, Iron Ingot x4, Straw x4, Horker Tusk x2, Sabre Cat Tooth x2, Bear Pelt x1, Lock x1, Sabre Cat Pelt x1, Wolf Pelt x1

 

ข้าวของในห้องทั้งหมดที่สร้างได้

 

 

Bedrooms (ห้องนอน)

รวมของที่ต้องใช้ :

Nails x60, Sawn Log x38, Iron Fittings x10, Leather Strips x10, Hinge x10, Lock x4, Straw x4, Steel Ingot x3, Glass x2, Goat Horn x2, Iron Ingot x2, Mudcrab Chitin x2, Bear Pelt x1

 

ข้าวของในห้องทั้งหมดที่สร้างได้

 

 

Enchanter's Tower (ห้องอาบเวทย์)

รวมของที่ต้องใช้ :

Nails x22, Sawn Log x17, Iron Fittings x7, Hinges x6, Iron Ingot x5, Glass x3, Lock x2, Goat Hide x1, Goat Horn x1, Gold Ingot x1, Grand Soul Gem x1, Leather Strips x1, Quarried Stone x1, Refined Moonstone x1

 

ข้าวของในห้องทั้งหมดที่สร้างได้

 

 

Greenhouse (เรือนเพาะชำ)

รวมของที่ต้องใช้ :

Nails x56, Sawn Log x32, Clay x18, Iron Fittings x12, Glass x6, Goat Horn x6, Hinges x6, Quarried Stone x6, Iron Ingots x4, Leather Strips x4, Mudcrab Chitin x4, Goat Hide x2

 

ข้าวของในห้องทั้งหมดที่สร้างได้

 

 

Kitchen (ห้องครัว)

รวมของที่ต้องใช้ :

34 Nails, 20 Sawn Logs, 10 Iron Fittings, 9 Iron Ingots, 7 Goat Horns, 7 Quarried Stone, 2 Clay, 2 Horker Tusks, 2 Leather Strips, 1 Large Antlers

 

ข้าวของในห้องทั้งหมดที่สร้างได้

 

 

Library (ห้องสมุด)

รวมของที่ต้องใช้ : Nails x44, Sawn Log x23, Goat Horn x7, Hinge x4, Iron Fittings x4, Iron Ingot x2, Lock x2

 

ข้าวของในห้องทั้งหมดที่สร้างได้

 

 

Storage Room (ห้องเก็บของ)

รวมของที่ต้องใช้ : Nails x65, Sawn Log x41, Hinge x21, Iron Fittings x14, Lock x9, Iron Ingot x5, Glass x4, Leather Strips x3, Steel Ingot x3, Goat Horn x2, Mudcrab Chitin x2, Goat Hide x1, Wolf Pelt x1

 

ข้าวของในห้องทั้งหมดที่สร้างได้

 

 

Trophy Room (ห้องโชว์)

รวมของที่ต้องใช้ : Nails x30, Sawn Log x24, Clay x10, Iron Fittings x7, Quarried Stone x7, Goat Horn x4, Hinge x3, Horker Tusk x2, Iron Ingot x2, Leather Strips x2, Glass x1, Goat Hide x1, Lock x1

 

ข้าวของในห้องทั้งหมดที่สร้างได้

 

 

นอกจากนี้ Hearthfire ยังมีระบบอื่นเพิ่มมาอีกเช่น การอบขนม ตกปลา เลี้ยงผึ้ง ฯลฯ รวมถึงการปกป้องบ้านจากขโมยขโจร หรือ กระทั่งพวกยักษ์หรือโทรลด้วย แต่โดยรวมไม่ใช่ส่วนที่จำเป็นต้องกล่าวถึงมากนัก เพราะไม่ยากเกินคลำอยู่แล้ว

 

/////////////////////////////////////////////////////////////////////

*ข้อมูลเพิ่มเติม*


สจ๊วต / หัวหน้าคนใช้

หลังจากเราสร้างบ้าน เราก็สามารถตั้งสจ๊วตได้ โดยสจ๊วตจะมีหน้าที่ดังนี้

  • จ้างหาคน/สัตว์ ให้เราใช้งาน (คนขับรถม้า / นักดนตรี / คนสวน / ซื้อม้า / ซื้อวัว / ซื้อไก่)
  • ซื้อของที่ใช้ในการสร้างบ้านให้เรา (Lumber / Stone / Clay)
  • สร้าง / แต่ง ห้องที่กำหนดให้เรา (ใช้เงินจ้าง แล้วมันจะทยอยทำให้)


 

9/03/2566

[Skyrim] ว่าด้วยข้อมูลของ Hearthfire (Part 1/2) - การสร้างบ้าน

 
เอนทรี่นี้เป็นส่วนหนึ่งของเพจ
 
 
หากจะเอาไปลงที่อื่น กรุณาใส่ credit นะคะ ถึงเราจะทำด้วยใจรักก็เหอะ...
 
 
ว่าด้วยข้อมูลของ Hearthfire (Part 1/2)
 

ใครลง Hearthfire แล้ว คงทราบกันแล้วเรื่องสามารถสร้างบ้าน รับลูก(บุญธรรม)มาเลี้ยง หรือ ทำงานอื่นๆได้มากขึ้น แต่ Hearthfire เป็นแค่ Add-on เพราะงั้นไม่มีเนื้อเรื่องเพิ่มนะคะ... มีแต่ระบบเพิ่ม...

 

การรับอุปการะลูกบุญธรรม

เบื้องต้น เกมจะส่งจดหมายมาบอกแล้วว่า Honorhall Orphanage ที่ Riften เปิดให้อุปการะเด็กแล้ว แต่เราจะยังรับมาเลี้ยงไม่ได้จนกว่าเราเองจะพร้อมนะคะ... (ไม่ต้องแต่งงานก็รับเด็กมาเลี้ยงได้ ไม่ต้องเครียด)

 

เงื่อนไข:

  • มีห้องสำหรับลูก (สำหรับบ้านบางบ้านจะต้องเปลี่ยน Alchemy Lab ให้เป็น Child's Room แต่บางบ้านแค่ต่อเติมเข้าไปเฉยๆ)
  • ถ้าเป็นบ้านที่เราสร้างเอง ต้องสร้างเตียง และ ตู้เก็บของให้ อย่างละ 1 ต่อเด็ก 1 คน
  • จบเควสแรกสุดของสาย Dark Brotherhood (Innocent Lost) แล้ว (ถ้าไม่อยากทำ ก็ไปเชือด Grelod the Kind อย่างเดียวก็ได้ ขอบคุณคุณ m31 ที่บอก)

 

พอพร้อมแล้วก็ ไปที่ Honorhall Orphange ที่ Riften แล้วคุยกับ Constance Mitchel ได้... บอกว่าเราต้องการอุปการะเด็ก (Adopt) เขาจะชวนเราคุย แล้วถามว่า เราทำอาชีพอะไร (ตอบซีเรียสหน่อย) จากนั้นจะต้องเลือกว่าจะให้ไปบ้านไหน (มีลิสท์ให้) ถ้าเราทำไว้พร้อมแล้ว Mitchel จะแสดงความยินดีกับเรา แล้วให้เราเดินไปคุยกับเด็กที่อยากรับมาเลี้ยงได้... ซึ่งพอไปคุยเราจะมีตัวเลือกว่า "I could adopt you, if you want" แล้วจะมีตัวเลือก "Yes, I have a house in ....." เลือกไปซะ แล้วเด็กก็จะไปเจอเราที่บ้าน

** นอกจากที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า มีเด็กกำพร้าเร่ร่อนที่ไปคุยแล้วเอามาอุปการะได้ด้วย รายละเอียดอ่านในคอมเมนท์ที่ 4 ของเอนทรี่นะคะ (ขอบคุณคุณ m31 อีกครั้งค่ะ)

 

 

การสร้างบ้านเองของ Hearthfire

หลังจากลง Hearthfire แล้ว เราจะสามารถสร้างบ้านเพิ่มได้ 3 แห่งคือที่เมือง Falkreath, Morthal, และ Dawnstar โดยมีเงื่อนไขไม่ต้องคิดมาก... ถ้าคุณทำเควสสำหรับเป็น Thane ของเมืองนั้นๆแล้วละก็... คุณซื้อบ้านได้แน่ๆ (ง่ายดีไหม?)

 

แต่เราว่าเราเดาได้ว่าคุณอยากได้เงื่อนไขจริงๆของการซื้อบ้านมากกว่า... ตามนี้ค่ะ

  • Falkreath ซื้อจาก Nenya หรือ Tekla ขึ้นกับว่าใครเป็น Jarl และต้องทำเควสงานอย่างน้อย 1 ครั้งด้วย (ถ้า Sidgier เป็น Jarl ต้องทำเควส หาเหล้ามาให้ก่อนด้วย... ดูในเควส Misc.)
  • Morthal ซื้อจาก Aslfur หรือ Sorli the Builder ขึ้นกับว่าใครเป็น Jarl อยู่ และต้องทำเควส Laid to Rest จบก่อน
  • Dawnstar ซื้อจาก Jarl แต่ต้องทำเควส Waking Nightmares จบแล้ว ทำเควสงานของ Jarl อย่างน้อย 1 ครั้ง และ เลเวลตัวละครอย่างน้อย 22

 

การซื้อบ้าน ไม่ต้องเป็น Thane ก็ซื้อได้... แต่ถ้าอยากได้คนใช้ส่วนตัว (Housecarl) ด้วย ต้องเป็น Thane ถึงจะมีมาให้นะคะ...

 

หลังซื้อที่ดินแล้ว... ได้เวลาไปที่ดินเปล่าสร้างบ้านซะที...

  • ที่ดินของ Falkreath อยู่ทางเหนือของ Pinewatch ใกล้ๆทะเลสาบทางเหนือของ Falkreath (บ้าน Lakeview Manor)
  • ที่ดินของ Morthal อยู่ทางเหนือของ Morthal ใกล้ๆพื้นที่ทะเลสาบ ระหว่าง Ustengrav กับ High Gate Ruins (บ้าน Windstad Manor)
  • ที่ดินของ Dawnstar อยู่ทางใต้ของ Dawnstar ระหว่าง Fort Dunstad กับ Loreius Farm (บ้าน Heljarchen Hall)

 

พอไปถึงที่ดิน เราจะเจอโต๊ะออกแบบ โต๊ะงานไม้ ทั่งตีเหล็ก ฯลฯ อยู่ใกล้ๆที่ดิน โดยตรงนี้จะมีหีบด้วย 1 ใบซึ่งในนั้นจะมีของพื้นฐานสำหรับสร้างบ้าน (clay x30, corundum ingot x1, iron ingot x6, quarried stone x30) และ กองฟืนใกล้ๆก็จะมี sawn log x20 ซึ่งของที่ให้มานี่ พอดีสำหรับสร้างบ้านแบบ Small House ได้

 

การสร้างบ้าน (เบื้องต้นสุดๆ)

เปิดฉาก ให้เดินไปสำรวจโต๊ะออกแบบ (Drafting Table) จากนั้นก็เลือกเขียน Small House Layout ให้เรียบร้อย จากนั้นกดออกมา เดินไปสำรวจโต๊ะงานไม้ (Carpenter's Workbench) เพื่อดูว่าเราต้องใช้อะไรบ้าง จากนั้นเดินไปหาทั่งตีเหล็กข้างๆ จัดการของที่ขาดซะ แล้วย้อนไปสำรวจโต๊ะงานไม้ จัดการสร้างชิ้นต่างๆให้เรียบร้อย (สร้างแล้วมันไปสต๊อกอัตโนมัติเป็นขั้นตอนไป) พอครบทุกชิ้น บ้านส่วนนั้นก็จะสร้างเสร็จเอง

 

หลังสร้างบ้าน(เล็กสุด) แล้ว วัตถุดิบที่เกมให้เรามาก็จะหมด... หลังจากนี้นี้เราก็จะต้องไปหาวัตถุดิบมาใช้อัพเกรดบ้านเอง... โดยวัตถุดิบชนิดต่างๆมีดังนี้

 

ชื่อไอเทม หาได้จาก
Clay  ขุดที่ Clay Deposit (ไม่มีวันหมด) ใกล้ๆบ้าน
Glass
 ซื้อจากพ่อค้าแม่ค้าทั่วไป
Goat Horns
 ซื้อจากพ่อค้าแม่ค้าทั่วไป หรือ ดรอปจากแพะ
 Hinge  สร้างเอง (สร้างที่ทั่งตีเหล็ก ใช้ Iron Ingot)
 Iron Fittings
 สร้างเอง (สร้างที่ทั่งตีเหล็ก ใช้ Iron Ingot)
 Lock  สร้างเอง (สร้างที่ทั่งตีเหล็ก ใช้ Iron Ingot กับ Corundum Ingot)
 Nails  สร้างเอง (สร้างที่ทั่งตีเหล็ก ใช้ Iron Ingot)
 Quarried Stone
ขุดที่ Stone Quarry (ไม่มีวันหมด) ใกล้ๆบ้าน
 Sawn Log
ซื้อจาก NPC ที่ Wood Mill ทั้งหลาย หรือ ตัดเองก็ได้
 Straw
 ซื้อจากพ่อค้าแม่ค้าทั่วไป (อยู่หมวด Misc.)

 

ว่าส่วนต่างๆของบ้าน (เฉพาะตัวห้อง ไม่รวมตกแต่งภายใน เพราะตกแต่งภายในเราจะแยกไว้ทีหลัง) โดยบางส่วนจะโผล่มาต้องไปเขียนแปลนก่อนนะคะ

** สำหรับ North Wing, East Wing, West Wing เลือกได้เพียงอย่างเดียวเพื่อสร้างเป็นแต่ละส่วนนะคะ ไม่ใช่สร้างได้หมด 3 แบบ

 

ชื่อ หมวด /
จุดติดตั้ง
ของที่ต้องใช้ (ทุกชิ้นย่อยรวมกัน)
 Small House
(บ้านแบบเล็ก)
House
Nails x30, Sawn Log x17, Quarried Stone x14, Clay x4, Hinge x2, Iron Fittings x1, Lock x1
Main Hall
(โถงกลาง)
House
Nails x85, Sawn Log x47, Quarried Stone x36, Clay x16, Hinge x2, Iron Fittings x1, Lock x1 [+ Sawn Log x8 และ Quarried Stone x 50 ด้วย ถ้าจะติดตั้งส่วน Cellar ด้วย แต่ถ้าเอาแค่ตัวห้องสมบูรณ์ ใช้แค่ตัวดำก็พอ]
** หลังสร้าง Main Hall เสร็จ เราจะมีตัวเลือก เปลี่ยนตัวบ้านเล็กเองเป็นทางเดิน (Entry Way) ได้ ซึ่งจะทำหรือไม่ก็แล้วแต่
Armory
(ห้องเก็บอาวุธ)
House,
East Wing
(ปีกตะวันออกของบ้าน)
Quarried Stone x18, Nails x14, Sawn Logs x14, Hinge x6, Clay x3, Iron Fittings x3, Lock x3
Kitchen
(ครัว)
House,
East Wing
(ปีกตะวันออกของบ้าน)
Nails x20, Sawn Log x18, Quarried Stone x14, Hinge x4, Clay x3, Iron Fittings x2, Lock x2
Library
(ห้องสมุด)
House,
East Wing
(ปีกตะวันออกของบ้าน)
Nails x34, Sawn Log x24, Quarried Stone x16, Clay x9, Hinge x6, Iron Fittings x3, Lock x3
Alchemy Laboratory
(ห้องผสมยา)
House,
North Wing
(ปีกทางเหนือของบ้าน)
Nails x 34, Sawn Log x24, Quarried Stone x16, Clay x9, Hinge x6, Iron Fittings x3, Lock x3
Storage Room
(ห้องเก็บของ)
House,
North Wing
(ปีกทางเหนือของบ้าน)
Quarried Stone x18, Nails x14, Sawn Log x14, Hinge x6, Clay x3, Iron Fittings x3, Lock x3
Trophy Room
(ห้องโชว์)
House,
North Wing
(ปีกทางเหนือของบ้าน)
Nails x20, Sawn Log x18, Quarried Stone x14, Hinge x4, Clay x3, Iron Fittings x2, Lock x2
 Bedrooms
(ห้องนอน)
House,
West Wing
(ปีกตะวันตกของบ้าน)
Quarried Stone x18, Nails x14, Sawn Log x14, Hinge x6, Clay x3, Iron Fittings x3, Lock x3
Enchanter's Tower
(หออาบเวทย์ลงอุปกรณ์)
House,
West Wing
(ปีกตะวันตกของบ้าน)
Nails x34, Sawn Log x24, Quarried Stone x16, Clay x9, Hinge x6, Iron Fittings x3, Lock x3
Greenhouse
(พื้นที่ปลูกพืช)
House,
West Wing
(ปีกตะวันตกของบ้าน)
Nails x20, Sawn Log x18, Quarried Stone x14, Hinge x4, Clay x3, Iron Fittings x2, Lock x2
Animal Pen Misc.
Sawn Log x1
 Armorer Workbench
Misc.
Quarried Stone x2, Iron Ingot x1, Sawn Log x1
Apiary
Misc. Sawn Log x2, Nail x1, Straw x2
** มีที่ Lakeview Manor เท่านั้น
Fish Hatchery
Misc. Quarried Stone x3, Sawn Log x3, Nails x4
** มีที่ Windstad Manor เท่านั้น
Garden Misc. Quarried Stone x2, Sawn Log x2, Iron Fittings x2
Grindstone Misc. Sawn Log x1
Mill Misc. Quarried Stone x1, Sawn Log x1, Iron Fittings x1
** มีที่ Heljarchen Hall เท่านั้น
Smelter Misc. Iron Fittings x2, Iron Ingots x5, Clay x6, Quarried Stone x4
Stable
Misc. Sawn Log x3, Nails x5

 

เนื่องจากเอนทรี่มันยาว... เราขอตัดแยกเป็น 2 ส่วนนะคะ... การตกแต่งภายในของบ้านจะตามมาทีหลังค่ะ

 

8/31/2566

[Skyrim] ว่าด้วยวิธีแต่งงาน และ ชีวิตหลังแต่งงาน (พร้อมรายชื่อคนที่แต่งด้วยได้)

 
เอนทรี่นี้เป็นส่วนหนึ่งของเพจ
 
 
หากจะเอาไปลงที่อื่น กรุณาใส่ credit นะคะ ถึงเราจะทำด้วยใจรักก็เหอะ...
 
 

ว่าด้วยการแต่งงาน และ ชีวิตหลังแต่งงาน

ใน The Elder Scrolls เทพแห่งความรักคือเทพี Mara หนึ่งใน 8 เทพศักสิทธิ์ (8 Divines) และ การแต่งงานจะกระทำได้ในวิหารของเทพ Mara เท่านั้น รวมถึงการขอแต่งงานหรืออะไรที่เกี่ยวกับความรักด้วย ต้องเกี่ยวข้องกับเทพี Mara ทั้งสิ้น

 

วิธีแต่งงาน

การจะแต่งงานจำเป็นต้องมี Amulet of Mara ซึ่งหาได้หลายวิธี

1. ซื้อจากพระชื่อ Maramol ในโบสถ์เมือง Riften (200g) ถ้าเรายังไม่เคยเจอหน้าเขาเลย เขาจะอยู่ในบาร์ Bee and Barb แทน

** ส่วนตัว... เจ้าของบล็อกแนะนำให้ไปซื้อจาก Maramol ไม่ใช่เพราะสะดวกนะ แต่เพราะจะแต่งงานได้ ต้องคุยกับ Maramal เรื่องจะแต่งได้อย่างไรก่อน จึงจะสามารถขอคนแต่งได้

2. หาจากศัตรู ถ้าค้้นศพแล้วเจอ


หลังจากคุยกับ Maramol แล้วถามเรื่องการแต่งงานแล้ว ("I'd like to know more about the Temple of Mara." >> "I could have a wedding at the temple?" >> "I'll buy the Amulet of Mara. (200 gold)")  ให้เอา Amulet of Mara ใส่คอซะ แล้วเดินไปคุยกับคนที่อยากแต่งด้วย ซึ่งถ้าเราทำเงื่อนไขแต่งงานครบ เขาจะพูดเรื่อง Amulet of Mara ที่ห้อยอยู่ที่คอเรา ให้ถามไปว่า "Interested in me, are you?" จากนั้นถ้าอยากแต่งจริงๆก็เลือกว่าสนใจ (คำพูดบอกว่าสนใจจะต่างไปตามแต่ละตัวละคร) จากนั้นก็จะสามารถไปจองงานแต่งได้ 

หลังตกลงกันแล้วให้กลับไปที่ Riften คุยกับ Maramal อีกครั้งเพื่อจัดงานแต่ง (คุยกับ Maramol เลือก "I'd like to have a wedding at the temple.") ซึ่ง Maramal จะนัดเรามาอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น ตอนนี้ให้เดินไปนอนที่โรงแรม หรือ ยืนรอมันหน้าโบสถ์เลยก็ได้ ให้เวลาผ่านไป พอถึงเวลา เกมจะขึ้นกลางจอว่า Attend your wedding ก็ให้กลับไปที่โบสถ์ พอเข้าไปก็จะเป็นพิธี ให้ตอบตามที่ควรจะตอบไป พอสิ้นสุดพิธี ให้รีบคุยกับสามี หรือ ภรรยา ก่อนที่เขาจะเดินออกจากโบสถ์ เพื่อเลือกว่าจะไปใช้ชีวิตหลังแต่งที่ไหน (บ้านใคร และ เมืองไหน ว่างั้น) แต่ถ้าคุยไม่ทัน ให้กลับไปดักที่บ้านเขาแล้วคุย

 

หลังแต่งงาน...

  • เวลานอนที่บ้านที่อาศัยอยู่ด้วยกัน จะได้โบนัส Lover's Comfort ซึ่งมีผลให้สกิลทุกชนิดขึ้นไวขึ้น 15% เป็นเวลา 8 ชั่วโมง (แต่ถ้าเป็นหมาป่าก็อดนะ... เพราะหมาป่าไม่มีวันได้โบนัสเวลานอน)
  • ทุกๆวัน จะสามารถขอให้สามี หรือ ภรรยา ทำอาหารให้ได้ (วันละครั้ง) โดยอาหารนี้จะมีผล เพิ่มความเร็วในการฟื้น HP, Magicka, และ Stamina เป็นเวลา 5 นาที
  • หลังแต่งงาน สามี หรือ ภรรยา เราจะแอบไปทำร้านขายของ(ที่ไหนก็ไม่รู้) แล้วเราจะสามารถขอเงินได้ ด้วยการถาม "Have the store made any money?" แล้วเราจะได้เงินส่วนของเรามา
  • ถ้าสามี หรือ ภรรยา เป็นผู้ติดตาม (Follower) ด้วย เขาก็จะยังทำหน้าที่ผู้ติดตามได้อยู่
  • ถ้าสามี หรือ ภรรยา ไม่ใช่ผู้ติดตาม เขาจะเป็นพ่อค้าแม่ค้า เราจะสามารถซื้อขายของได้ แต่ไม่มีส่วนลดพิเศษให้นะ...
  • วันดีคืนดี สามี หรือ ภรรยาจะมีของขวัญเซอร์ไพรซ์ให้ แต่เจ้าของบล็อกยังไม่เคยได้เลยไม่ชัวร์เท่าไหร่

 

รายชื่อ NPC ที่แต่งงานด้วยได้

เรียงตามเมือง พร้อมเงื่อนไขว่าต้องทำอะไรก่อน

 

เมือง Whiterun

ชาย

  • Athis - อยู่ใน Jorrvaskr ต้องทำเควสสาย Companion ให้จบก่อน
  • Farkas - อยู่ใน Jorrvaskr ต้องทำเควสสาย Companion ให้จบก่อน
  • Torvar - อยู่ใน Jorrvaskr ต้องทำเควสสาย Companion ให้จบก่อน
  • Vilkas - อยู่ใน Jorrvaskr ต้องทำเควสสาย Companion ให้จบก่อน

หญิง

  • Lydia - คนรับใ้ช้ประจำตัวเราในฐานะ Thane of Whiterun
    ** เดิมทีติดบั๊กอยู่ทำให้แต่งไม่ได้ แต่ถ้าอัพแพทช์ 1.5.24 แล้ว Lydia จะยอมแต่งกับเราหลังเราซื้อบ้าน Breezehome ใน Whiterun ค่ะ**
  • Aela the Huntress - อยู่ใน Jorrvaskr ต้องทำเควสสาย Companion ให้จบก่อน
  • Janessa - อยู่ในบาร์ The Drunken Huntsmen ต้องเคยจ้างเขาอย่างน้อย 1 ครั้ง
  • Njada Stonearm - อยู่ใน Jorrvaskr ต้องทำเควสสาย Companion ให้จบก่อน
  • Ria - อยู่ใน Jorrvaskr ต้องทำเควสสาย Companion ให้จบก่อน
  • Uthgerd the Unbroken - อยู่ในโรงแรม The Bannered Mare ต้องท้าเขาต่อยแล้วชนะ
  • Ysolda - อยู่แถวๆตลาดกลางเมือง ต้องทำเควสเอางาแมมมอธมาให้ก่อน

 

 

เมือง Windhelm

ชาย

  • Angrenor Once-Honored - มักเดินไปมาในเมือง ให้เอาเงินให้เขานั่นแหละ 1 เหรียญ
  • Calder - คนรับใช้ประจำตัวเราถ้าเราเป็น Thane of Eastmarch
  • Quintus Navale - อยู่ในร้าน The White Phial ต้องทำเควส The White Phial และ Repairing the Phial จนจบ
  • Revyn Sadri - อยู่ในร้าน Sadri's Used Wares ต้องทำเควสเอาของที่ Sadri ซื้อผิดพลาดไปหย่อนไว้ในบ้านเจ้าของเดิม (Viola Giordano)
  • Scouts-Many-Marshes - เป็นมนุษย์กิ้งก่ามักเดินอยู่ที่ท่าเรือ ต้องทำเควสไปเจรจากับ Torbjorn Shatter-Shield ก่อน
  • Stenvar - อยู่ในบาร์ Candlehearth Hall ต้องจ้างเขาอย่างน้อย 1 ครั้ง

หญิง

  • Shahvee - เป็นมนุษย์กิ้งก่าอยู่แถวๆท่าเรือ ต้องทำเควสเอาเครื่องราง Amulet of Zenithar กลับมาคืนเข้าตัวก่อน

 

 

เมือง Solitude

ชาย

  • Belrand - อยู่ในบาร์ Winking Skeever ต้องเคยจ้างเขาอย่างน้อย 1 ครั้ง
  • Octieve San - มักอยู่ในบาร์ Winking Skeever ต้องทำเควสไปเจรจากับ Irnskar Ironhand ก่อน
  • Sorex Vinius - อยู่ในบาร์ Winking Skeever ต้องทำเควสเอาเหล้าไปส่งที่ Falk Firebeard ในวัง Blue Palace ก่อน

หญิง

  • Jordis the Swordmaiden - คนรับใช้ประจำตัวเรา ถ้าเราเป็น Thane of Haafingar
  • Taarie - อยู่ที่ร้านเสื้อผ้า Radiant Raiment ต้องทำเควส Fit for a Jarl ที่รับจากเจ้าตัว ก่อน

 

 

เมือง Riften

ชาย

  • Balimund - อยู่ที่ร้านตีเหล็ก ต้องทำเควส Stoking the Flames หา Fire Salt 10 มาให้เจ้าตัวก่อน
  • Marcurio - อยู่ที่บาร์ Bee and Barb ต้องเคยจ้างเขาอย่างน้อย 1 ครั้ง
  • Romlyn Dreth - อยู่ที่ Black-Briar Meadery ต้องทำเควส Under the Table ของเจ้าตัว และเลือกเอาเหล้าไปส่ง

หญิง

  • Grelka - อยู่ที่ตลาดกลางเมือง ** ติดบั๊กอยู่ ไม่สามารถแต่งงานได้ถ้าไม่ใช้ console **
  • Iona - คนรับใช้ประจำตัวเราถ้าเราเป็น Thane of the Rift
  • Mjoll the Lioness - มักเดินไปมาในเมือง ต้องทำเควส Grimsever's Return เอาดาบของเจ้าตัวมาคืนให้ก่อน

 

 

เมือง Markarth

ชาย

  • Argis the Bulwark - คนรับใช้ประจำตัวเราถ้าเราเป็น Thane of the Reach
  • Cosnach - อยู่ใน Silver-Blood Inn ต้องท้าต่อยแล้วชนะ
  • Moth gro-Bagol - เป็นออร์คอยู่ในวัง Understone Keep ต้องทำเควส Coated in Blood เอา Daedra Heart มาให้เจ้าตัว
  • Omluag - เป็นคนงานอยู่ตรงพื้นที่ใกล้ๆ The Warrens ต้องทำเควสไปเจรจากับ Mulush gro-Shugurz ก่อน (รับจากเจ้าตัว)
  • Vorstag - อยู่ใน Silver-Blood Inn ต้องเคยจ้างเขาอย่างน้อย 1 ครั้ง

หญิง

  • Anwen - อยู่ใน Temple of Dibella ต้องทำเควส The Heart of Dibella จบก่อน
  • Ghorza gra-Bagol - อยู่ตรงเพิงตีเหล็ก ต้องทำเควสเอาหนังสือมาให้ก่อน
  • Muiri - มักอยู่ในร้าน The Hag's Cure ต้องทำเึควส Mourning Never Comes ก่อน
  • Orla - อยู่ใน Temple of Dibella ต้องทำเควส The Heart of Dibella จบก่อน
  • Senna - อยู่ใน Temple of Dibella ต้องทำเควส The Heart of Dibella จบก่อน

 

 

เมือง Morthal

ชาย

  • Benor - มักอยู่หน้า Guardhouse (บ้านยาม) ต้องท้าต่อยแล้วชนะ

หญิง

  • (ไม่มี)

 

 

เมือง Dawnstar

(ไม่มี)

 

 

เมือง Winterhold

ชาย

  • Onmund - อยู่ในวิทยาลัย College of Winterhold ต้องทำเควส Onmund's Request ให้จบก่อน (อ่านได้ในเอนทรี่ College of Winterhold)

หญิง

  • Brelyna Maryon - อยู่ในวิทยาลัย College of Winterhold ต้องทำเควส Brelyna's Practice ให้จบก่อน (อ่านได้ในเอนทรี่ College of Winterhold)

 

 

เมือง Falkreath

(ไม่มี)

 

 

หมู่บ้าน Riverwood

ชาย

  • (ไม่มี)

หญิง

 

 

หมู่บ้าน Rorikstead

ชาย

  • Erik the Slayer - ต้องทำเควสของเจ้าตัวไปคุยกับพ่อเขาให้ Erik เป็นนักผจญภัยได้ เพื่อให้เราจ้างเขาได้

หญิง

  • (ไม่มี)

 

 

หมู่บ้าน Ivarstead

ชาย

  • Wilhelm - อยู่ในโรงแรม Vilemyr Inn ต้องทำเควส Lifting the Shround (รับจากเจ้าตัว) ไปสำรวจ Shround Hearth Barrow ก่อน

หญิง

  • Temba Wide-Arm - ทำเควสหาหนังหมี 10 ผืนมาให้เจ๊แกก่อน

 

 

หมู่บ้าน Kynesgrove

ชาย

  • Roggi Knot-Beard - อยู่ในโรงแรม Braidwood Inn ต้องทำเควสหาโล่ของบรรพบุรุษมาให้ก่อน (รับจากเจ้าตัว)

หญิง

  • Dravynea the Stoneweaver - ต้องทำเควสเอา Frost Salt มาให้เจ้าตัวก่อน
 

 

หมู่บ้าน Dragon Bridge

(ไม่มี)

 

 

หมู่บ้าน Shor's Stone

ชาย

  • Filnjar - ทำเควส Mine or Yours (รับจากเจ้าตัว) ล้างบางแมงมุมในเหมือน Redbelly Mine
  • Odfel - (ดูเหมือนจะแต่งงานได้แต่ต้น ยังไม่ทราบเงื่อนไขที่แน่นอน)

หญิง

  • Sylgja - ต้องทำเควสเอาของไปส่งให้ Verner ก่อน (รับจากเจ้าตัว)

 

 

หมู่บ้าน Karthwasten

ชาย

  • Ainethach - ให้ทำเควสไปคุยกับ Atar ในเหมือง (รับจาก Ainethach เอง) โดยกล่อมให้พวกนั้นจากไป (ถ้าถ้ากล่อมไม่ไป เชือดยกฝูงเลยก็ได้ แต่เงินตอบแทนเควสน้อยลง)

หญิง

  • (ไม่มี)

 

 

สถานที่อื่นๆ

ชาย

  • Derkeethus - อยู่ที่แคมพ์ขุดเหมือง Darkwater Crossing แต่ต้องทำเควสไปช่วยเขาจากดันเจี้ยน Darkwater Pass ก่อน
  • Sondas Drenim - ต้องทำเควสเอาข้อความจากเจ้าตัวไปส่งให้ Quintus ก่อน
  • Gat gro-Shargakh - อยู่ที่ Left Hand Mine ต้องทำเควส ช่วย Pavo ไล่พวก Forsworn ออกจากเหมือง Kolskeggr Mine ก่อน
  • Pavo Attius - อยู่ที่ Left Hand Mine ต้องทำเควส ช่วย Pavo ไล่พวก Forsworn ออกจากเหมือง Kolskeggr Mine ก่อน
  • Ghorbash the Iron Hand - อยู่ใน Orc Stronghold ชื่อ Dushnikh Yal ต้องกล่อมให้เขามาเป็นผู้ติดตามเราก่อน
  • Perth - อยู่ที่เหมือง Soljund's Sinkhole ทางตะวันออกของเมือง Markarth ต้องทำเควสกำจัดพวก Draugr ในเหมืองก่อน
  • Gregor HF - เป็นผู้ติดตามที่จะได้มาเมื่อเป็น Thane ของ Dawnstar และลง Hearthfire ติดตั้งไว้
  • Valdimar HF - เป็นผู้ติดตามที่จะได้มาเมื่อเป็น Thane ของ Morthal และลง Hearthfire ติดตั้งไว้
  • Halbarn Iron-Fur DB - อยู่ที่ Thirsk Mead Hall เกาะ Solstheim ต้องจบเควส Retaking Thirsk และทำเควสหา Stalrhim Ore x10 และ Ebony Ingot x15 มาให้เขาก่อน

หญิง

  • Aeri - อยู่ที่ Anga's Mill ทางตะวันตกของเมือง Windhelm ให้ตัดฟืนแล้วเอาไปขายให้เขาก่อน
  • Avrusa Sarethi - อยู่ที่ Sarethi Farm แทบจะกึ่งกลางระหว่าง Riften กับ Ivarstead ให้ ทำเควสของเขาด้วยการหา Jazbay Grapes ให้เขา 20 อัน
  • Borgakh the Steel Heart - อยู่ใน Orc Stronghold ชื่อ Mor Khazgur ต้องทำเควสของเจ้าตัวก่อน แล้วกล่อมให้เขาเป็นผู้ติดตามเรา
  • Gilfre - อยู่ที่ Mixwater Mill ทางใต้ของ Windhelm และทางเหนือของ Fort Amol ให้ตัดฟืนแล้วเอาไปขายให้้เขาก่อน
  • Rayya HF - เป็นผู้ติดตามที่จะได้มาเมื่อเป็น Thane ของ Falkreath และ ลง Hearthfire ติดตั้งไว้
  • Hilund DB - อยู่ที่ Thirsk Mead Hall เกาะ Solstheim ต้องจบเควส Retaking Thirsk และทำเควสหาหอก Riekling Spear 50 อันมาให้เธอก่อน
  • Morwen DB - อยู่ที่ Skaal Village เกาะ Solstheim ต้องจบเควส The Fate of the Skaal และ ทำเควสเอาสร้อยของแม่เธอไปส่งให้ Runil ที่ Falkreath ก่อน

 

เป็นอันหมดแล้วค่ะ NPC ที่แต่งงานได้ตามปกติในเกม ลองหาสามีหรือภรรยาตามสเปคเอาเองนะคะ

 

 

** เพิ่มเติม **

เนื่องจากมีตัวเลือกแค่นี้ไม่พอใจ อยากลองเอานอกเหนือจากนี้มาทำผัว / ทำเมีย กันเยอะ เพราะงั้นขอเพิ่มวิธีการทำให้แต่งได้นะคะ....

 

อนึ่ง วิธีนี้ใช้ได้กับ PC เท่านั้น เหล่าคอนโซลอื่นอาจต้องทำใจค่ะ...

 

เปิดคอนโซล เอาเมาส์คลิก NPC ที่ต้องการจะแต่ง 1 ครั้ง แล้วพิมพ์...

addfac 19809 1

setrelationshiprank player 4

 

ถ้าเกิดว่าพิมพ์แล้ว ยังไม่ได้ ให้เช็คว่าใส่สร้อย Amulet of Mara อยู่ไหม นะคะ

 

*เพิ่มเติม #2*

ตัวละครสำคัญทางเนื้อเรื่องหลักทุกตัวไม่สามารถแต่งงานด้วยได้นะคะ ไม่ว่าจะ Ulfric, Tullius, Serana ตัดทิ้งไปได้เลย เขาไม่มีสคริปท์เผื่อส่วนนี้

 

ส่วนใครอยากหย่า... เปิดคอนโซลค่ะ แล้วพิมพ์

removefac 51596
player.removefac C6472
resetquest 74793
resetquest 21382
setstage 74793 10

รอ 1 วันในเกม (24 ชั่วโมง) แล้วค่อยหาคนใหม่นะคะ


อนึ่ง คอนโซลอื่นๆ เลือกคู่แล้วโปรดซื่อสัตย์ต่อไป...


 

โชคดีกับการสละโสด (ในเกม) ค่ะ พบกันเอนทรี่ต่อไปนะคะ

 

8/29/2566

[Skyrim] เควสทั่วไปใน Skyrim [[ไม่ใช่เควสเนื้อเรื่อง แต่ก็ไม่ใช่ Misc.]] (ข้อมูลเควส + บทสรุป)

 
เอนทรี่นี้เป็นส่วนหนึ่งของเพจ
 
 
หากจะเอาไปลงที่อื่น กรุณาใส่ credit นะคะ ถึงเราจะทำด้วยใจรักก็เหอะ...
 
 
เควสทั่วไป
(ไม่ใช่เควสหลัก แต่ก็ไม่ใช่ Misc.)
 

ทางทีมงานทำเกมเคยประกาศอยู่เหมือนกันว่าเควสในเกมมีอยู่ 600 เควส  แต่ก็นั่นละ... ดันไปทำเควสอื่นหมดแล้ว เพิ่งมานึกได้ว่ามันมีเควสทั่วไปแบบไม่ใช่เควสย่อย หรือ เควสเนื้อเรื่องใดๆเลยอีกเลยมาช้า ขออภัยนะคะ

 

เอนทรี่นี้จะรวมเควสประเภท Daedric หรือ Divine ด้วยนะคะ เพราะถือว่าบางคนอาจจะรับมาแต่ไม่ทราบว่าเป็นเควสประเภทนั้นค่ะ

ชื่อเควสสีฟ้า = Divine Quest

ชื่อเควสสีแดง = Daedric Quest

 

** Winterhold และ หมู่บ้านเล็กๆ ไม่มีเควสทั่วไปอยู่เลย เพราะงั้นจึงไม่มีตารางนะคะ

 

 

Whiterun

ชื่อเควส NPC ที่ให้ รายละเอียดเควส
The Blessings of Nature Danica Pure-Spring

ให้ไปคุยกับ Danica Pure-Spring ที่วิหาร Kynereth ในเมือง Whiterun แล้วถามเรื่องต้นไม้กลางเมือง (ซึ่งตอนนี้เฉา และกำลังจะตาย) Danica จะขอให้เราช่วยเขาฟื้นฟูต้นไม้นี้ หลังคุยเสร็จจะมีมาร์กเกอร์สถานที่ Orphan Rock ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของ Helgen ให้เดินทางไปที่นั่นแล้วจัดการศัตรูซะ แล้วค้นศพ Hagraven ตัวหัวหน้า หยิบมีด Nettlebane มา จากนั้นกลับไปคุยกับ Danica เขาจะบอกให้เราเดินทางไปที่ Eldergleam Sanctuary (อยู่ทางใต้ของเมือง Windhelm ทางตะวันออกเฉียงเหนือของ Atronach Stone) ซึ่งตอนนี้เราอาจจะมีนักบวชชื่อ Maurice ตามมาด้วยถ้าเขายืนฟังอยู่และขอมาด้วย

พอไปถึง Eldergleam Sanctuary ให้เราเดินเข้าไปข้างใน เดินไปที่ต้นไม้ใหญ่ข้างใน (ต้นแม่ของต้นที่ Whiterun) พอเดินขึ้นตามทางไปจะพบว่ารากไม้ขวางทาง ให้ใส่ Nettlebane แล้วฟันรากไม้ มันจะยกรากหลบทางให้ ตอนนี้จะมี 2 ทางที่เป็นไปได้

  • ถ้า Maurice อยู่ เขาจะโมโหที่เราไปทำร้ายต้นไม้ แล้วจะให้ตัวเลือกเรา ถ้าเราตกลงเขาจะสวดมนต์ แล้วเราจะได้ต้นอ่อนของต้น Eldergleam มา แล้ว Maurice จะอยู่ที่นั่นต่อ ส่วนเราก็กลับไปหา Danica
  • ถ้าเราไปโดยไม่มี Maurice / Maurice ม่องเท่งระหว่างทาง / หรือเราปฏิเสธข้อเสนอของ Maurice ให้ฟันรากเปิดทางขึ้นไป พอขึ้นไปถึงตัวต้น ให้เลือกเก็บน้ำเลี้ยงมาซะ จากนั้นก็สู้กับพวก Spriggan ที่ออกมาอาละวาดเพราะเราไปเล่นงานต้นไม้ (คนแถวนั้นโดนลูกหลงตาย แต่ช่วยไม่ได้)

พอเรากลับไปหา Danica เขาจะยินดีสอนเวทย์สาย Restoration ให้เรา (Danica เป็น Trainer ระดับ Master)

The Whispering Door คนเฝ้าเคาเตอร์ในบาร์หรือโรงแรม

ให้ไปคุยที่โรงแรมในเมือง Whiterun ถามหาข่าวลือ เขาจะบอกว่าลูกชายคนเล็กของ Jarl Balgruuf ทำตัวแปลกๆ จากนั้นให้ไปคุยกับ Jarl Balgruuf the Greater เขาจะยอมรับ แล้วจะให้ไปคุยกับลูกชายเขาที่ชื่อ Nelkir ซึ่งพอไปคุยแล้ว Nelkir จะพูดอะไร(ที่ไม่ควรพูด)มาเพียบไปหมด แล้วจะพูดถึงประตูพูดได้ใต้ปราสาท ซึ่งเขาบอกว่าเขาแน่ใจว่า หญิงสาวเจ้าของเสียงต้องคุยกับเราด้วยแน่ๆ

ให้เดินลงไปทางบันไดทางซ้าย จากโถงกลางของวัง ผ่านครัวลงไป จะเจอประตูล็อค ให้สำรวจแล้ว Mephala จะคุยกับเรา แล้วให้เราหากุญแจของประตู ให้กลับไปคุยกับ Nelkir เขาจะบอกว่ากุญแจอยู่กับพ่อเขา Jarl Balgruuf และ Farengar ซึ่งเป็นพ่อมดประจำวัง

จัดการล้วงกระเป๋าตบกุญแจ Whispering Door Key มาซะ แล้วไปไขห้อง จะเจอดาบ Ebony Blade ตอนนี้ Mephala จะอธิบายว่า ดาบนี้พลังหายเพราะขาดการดื่มเลือดนานเกินไป ถ้าจะให้พลังกลับมาเท่าเดิม ต้องให้อาบเลือดของคนที่เชื่อใจเรา (ผู้ติดตาม ว่างั้น) จากนั้นจะยกดาบนี้ให้เราแล้วจะจบเควส

In My Time of Need Alik'r Warrior
หลังจากเราจบเึควส Dragon Rising พอเราเดินมาที่ใกล้ๆประตูเมือง Whiterun จะพบยามเถียงกับนักรบรับจ้างชาวเรดการ์ดอยู่ เพราะพวกนั้นไม่มีสิทธิ์เข้าเมือง หลังจากนั้นพวกนักรบเรดการ์ดจะเดินมาถามเราว่าเห็นผู้หญิงบ้างไหม พอเราถามกลับเขาจะบอกว่าเป็นผู้หญิงชาวเรดการ์ดแบบเขานี่แหละ แต่จะไม่ยอมบอกสาเหตุที่ไล่ตาม แล้วเกมจะขึ้นให้เราตามหาผู้หญิงเผ่าเรดการ์ด ให้เราไปที่โรงแรม The Bannered Mare แล้วไปคุยกับ Saadia เขาจะขอคุยกับเราตัวต่อตัว ตอนนี้เราจะมี 2 ทาง
  • วิ่งไปที่ Rolikstead บอกที่อยู่ของ Saadia ให้นักรบเรดการ์ดรู้
  • เดินตามไปแล้วคุณเธอจะชักมีดขู่เรา แล้วบอกว่าเขาเป็นชนชั้นสูงใน Hammerfell ที่หนีมาเพราะเขาต่อต้านพวก Aldmeri Dominion (พวก Thalmor) ให้ตอบช่วยเหลือ แล้วเราจะต้องไปที่ Swindler's Den ทางตะวันตกของ Whitrun เพื่อจัดการกลุ่มนักรบที่ไล่ล่า Saadia ให้ลุยเข้าไปจนถึงข้างใน Kematu ที่เป็นหัวหน้ากลุ่มจะสั่งหยุด แล้วขอคุยกับเรา ซึ่งถ้าเราตัดสินใจฟัง เขาจะบอกว่าจริงๆแล้ว Saadia น่ะขาย Hammerfell ให้พวก Thalmor และที่มาไล่ตามนี่ก็ด้วยคำสั่งของระดับสูงใน Hammerfell ซึ่งตอนนี้เราก็เลือกได้อีก...
    • ฆ่า Kematu ซะตามคำสั่งเดิม แล้วกลับไปหา Saadia ก็จะจบเควส (ได้เงิน 500 เหรียญ)
    • ช่วย Kematu โดยกลับไปหา Saadia แล้วบอกว่าเราจัดการพวก Alik'r ไม่สำเร็จแล้วพวกนั้นก็กำลังมาแล้ว และบอกว่าเราเตรียมทางหนีให้ที่คอกม้าเมือง Whiterun จากนั้นให้วิ่งออกนอกเมืองไปตามประตู พอไปถึงคอกม้าจะมีเหตุการณ์ และ Kematu จะหิ้วตัว Saadia ไป พร้อมให้ค่าตอบแทนเรามา 500 เหรียญ
    • ช่วย Saadia แต่จะตลบหลัง Kematu ด้วย (ขอขอบคุณ คุณ wolf สำหรับวิธีนี้ค่ะ) ให้กลับไปหา Saadia แล้วบอกเหมือนข้อข้างบน ให้ Saadia ไปที่คอกม้า แต่พอ Kematu ยิงเวทย์ใส่ Saadia ให้เราเชือด Kematu เลย แล้วคุยกับ Saadia อธิบายให้เขาเข้าใจ Saadia จะให้เงินเรามา 500 เหรียญ จากนั้นเราก็ไปรื้อศพ Kematu เอาเงินอีก 500 ได้
Missing in Action Fralia Gray-Mane
เวลา้เราเดินผ่านตลาดกลาง Whiterun ครั้งแรก จะได้ยิน Fralia Gray-Mane ถกกับคนของตระกูล Battle-Born เรื่อง Thorald Gray-Mane ลูกชายที่หายไป ให้เราไปคุยกับ Fralia ถามเรื่องลูกชาย เขาจะขอให้เราไปคุยกับเขาที่บ้านทีหลัง ให้รอจนค่ำแล้วตาม Fralia ไปที่บ้าน แต่พอเข้าไปจะเจอลูกชายอีกคนของ Fralia ชื่อ Avulstien ชักอาวุธขู่ แต่ Fralia จะปรามให้ แล้วขอให้เราช่วยไปสืบข่าวของ Thorald ที และเธอเชื่อว่าบ้านของพวก Battle-Born น่าจะมีเบาะแส ให้เราไปที่บ้าน Battle-Born เข้าไปในห้องหนังสือชั้น 1 จะเจอ Imperial Missive ให้อ่านจะพบว่า Thorald อยู่ที่ Northwatch Keep แล้วหยิบมาด้วย จากนั้นกลับไปหา Avulstein คุย แล้วไม่ว่าจะให้เขาตามมาหรือไม่ให้ตาม เราก็ต้องไป Northwatch Keep ทางตะวันตกของเมือง Solitude อยู่ดี
พอไปถึง Northwatch Keep ให้ลุยดันเจี้ยนเข้าไปหา Thorald ที่โดนขัง แล้วพาเขาเดินออกมาทางประตูหน้า (อย่าออกอีกทาง จะติดบั๊ก) เสร็จแล้วเขาจะขอบคุณเรา แต่จะไม่กลับบ้าน เพราะกลับไปจะทำให้แม่กับพี่น้องเป็นอันตราย แล้วจะฝากเราให้กลับไปบอกด้วย ให้กลับไปคุยกับ Fralia เขาจะขอบคุณเรา แล้วให้อาวุธเวทมนตร์เรามาชิ้นนึง แล้วจะจบเควส

 

 

Windhelm

ชื่อเควส NPC ที่ให้ รายละเอียดเควส
Blood on the Ice ยามในเมือง

เควสสืบคดีฆาตกรรมนี้ จะรับได้เมื่อเดินเข้าเมือง Windhelm อย่างน้อย 4 ครั้ง แล้วจะมีเหตุการณ์ คนโดนฆ่า ให้วิ่งไปดูตรงสุสาน จะเจอ Susanna the Wicked เป็นศพกองอยู่บนสุสาน ให้คุยกับยามแถวนั้น แล้วไปคุยกับ Jorleif ในวัง Palace of the King

พอคุยกับ Jorleif เขาจะให้เราช่วยสืบคดี แล้วจะให้เราไปคุยกับพยานทั้งหลาย ให้เราไปคุยกับ Helgrid ใน Hall of the Dead จากนั้นเดินไปที่สุสาน มองหารอยเลือด แล้วเดินตามรอยเลือดไป รอยจะไปสิ้นสุดที่หน้าคฤหาสน์ Hjerim

ประตูคฤหาสน์จะล็อคอยู่ จะงัดประตูเข้า หรือ จะไปถามยามก็ได้ ยามเขาจะบอกให้ไปคุยกับ Tova Shatter-Shield ซึ่งพอไปคุยเขาจะให้กุญแจคฤหาสน์มา พอเข้าไปแล้วให้ตามรอยเลือดไปจากนั้นให้รื้อหาข้อมูลให้ทั่ว เราจะเจอใบปลิว Beware the Butcher!, Butcher Journal #1, Butcher Journal #2, และ Strange Amulet พอเจอเครื่องรางนี่แล้ว ให้ไปคุยกับยาม เขาจะแนะให้ไปหา Calixto ที่ The House of Curiousity หรือ Viola Giordano (อย่าลืมหยิบใบปลิว Beware the Butcher! ไปด้วย ไม่งั้นเจ๊ Viola จะไม่คุยกับเรา)

  • พอไปคุยกับ Calixto เขาจะนำเสนอทัวร์พิพิธภัณฑ์ของเขา ให้ตอบตกลง แล้วพอเรายื่นเครื่องรางให้ดู เขาจะพูดนิดหน่อย(ว่ามันคืออะไร) แล้วขอซื้อเครื่องรางในราคา 500 (ขายๆไปเหอะ เครื่องรางติดบั๊กอยู่ตอนนี้)
  • พอไปคุยกับ Viola ถ้าเราหยิบ Butcher's Journal มาด้วย Viola จะบอกให้เราไปหา Wuunferth

 

ตอนนี้เนื้อเรื่องเควสจะแยกอีก ว่าเราจะไปคุยกับ Wuunferth หรือ Jorleif (ระวังด้วย เพราะจะมีลูกศรชี้ไปหา Jorlief อย่างเดียว ใครขี้เกียจรอก็ไปคุยกะ Wuunferth แล้วห้ามคุยกับ Jorlief จนกว่าจะจบเควส)

  • ถ้าไปหา Wuunferth เขาจะโวยวาย แต่จะบอกว่าเขาเองก็สืบคดีอยู่ แล้วเขาจะขอให้เราไปคอยเฝ้าพื้นที่ Stone Quater ตอนกลางคืน ตอนนี้ให้เมินลูกศรที่ชี้ไปหา Jorleif แล้วไปดักที่ Stone Quarters
  • ถ้าไปหา Jorleif เราจะบอกว่า Wuunferth คือตัวการ แล้ว Wuunferth ก็จะโดนจับ แล้วเควสจะจบ(ชั่วคราว) แต่หลังจากนี้ 3 วัน (ให้ไปเมืองอื่น) พอกลับมาจะเจอเหตุการณ์ฆาตกรรมอีก แล้วเราจะโดนยามโวย เควสจะเด้งกลับมาอีกครั้ง แล้วจะต้องไปคุยกับ Wuunferth ที่โดนขังอยู่ พอไปคุย Wuunferth จะกัดเราว่าสืบได้ห่วย แล้วจะบอกให้เราไปดักที่ Stone Quarters

ไม่ว่าเลือกทางไหน ให้ไปดักที่ Stone Quaters แต่พอเวลาเลยตี 2 เราจะได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือ ให้วิ่งไปที่ลานขายของให้เร็วที่สุด เพราะเหยื่อจะอยู่หรือจะตายก็ขึ้นกับตอนนี้ พอวิ่งไปจะเจอนาย Calixto กำลังจะเชือดเหยื่อรายต่อไป ให้จัดการซะ พอยามเดินมาเขาจะให้เราไปหา Jorleif

ถ้าช่วยเหยื่อไม่ทัน นาย Calixto จะวิ่งหนีไปที่ Hjerim พอเราตามไปมันจะมาสู้กับเรา ให้จัดการซะ แล้วหยิบกุญแจมันมา จากนั้นลองไปที่บ้านมันดู จะเจอหีบที่ไขได้แล้วข้างในจะมีสาเหตุว่าทำไมนายนี่ถึงมาเป็นฆาตกร แล้วก็กลับไปคุยกับ Jorleif เพื่อจบเควส

** เควสนี้เป็นหนึ่งในเงื่อนไขการซื้อบ้านประจำเมือง Windhelm ควรทำก่อนเควสสงคราม Imperial - Stormcloak จะจบเพราะถ้าจบจะเจอบั๊ก ไม่มีคดีฆาตกรรมค่ะ

** ตอนเหตุการณ์ฆาตกรรมจะไม่มีเสียงหรืออะไรบอกเลย เพื่อความชัวร์ ขอให้วิ่งผ่านสุสานทุกครั้งดีกว่า เพราะ ยามจะเป็นคนเรียกเราให้หยุดเองเพื่อรับเควส

** ถ้าซื้อบ้านได้สำเร็จ จะยังสามารถทำเควส Blood on the Ice ได้แม้จะจบเนื้อเรื่อง Stormcloak หรือ Imperial แล้ว... โดยหลังซื้อบ้านให้เข้าไปหยิบพวกเอกสารหรือของอื่นๆ แล้วจะทำเควสได้ แต่จะต้องยอมจับผิดตัวเพื่อให้ Wuunferth บอกเรื่องตัวจริงก่อน

** ใครมือบอน ขโมย Hjerim Key จาก Tova Shatter-Shield หรือ ทำเควสของ Dark Brotherhood ฆ่า Nilsine Shatter-Shield ไป มีสิทธิ์เจอบั๊ก เควสไม่ยอมโผล่ได้ค่ะ

** เควสจำเป็นกับการซื้อบ้าน และ เป็น Thane เมือง Windhelm (สำหรับบางคน)
Innocence Lost Aventus Aretino

หลังจากไปคุยหาข่าวลือที่โรงแรมหรือบาร์เหล้า ก็ได้จนได้เควสนี้มา ให้ไปที่เมือง Windhelm แล้วไปที่ Aretino Residence จะพบกับ Aventus Aretino ซึ่งพอคุยเสร็จ เราจะต้องไปฆ่า Grelod the Kind ที่โรงเลี้ยงเด็กกำพร้า Honor Hall Orphanage ที่ Riften พอไปถึงจะเจอเหตุการณ์ Grelod กำลังดุด่าเด็กอยู่ รอจนจบเหตุการณ์ให้ Grelod ไปนอน หรือนั่งโต๊ะคนเดียวก็เชือดซะ พอฆ่าเสร็จกลับไปหา Aventus ก็จะจบเควส

**ถ้าถามตามโรงแรมแล้วไม่มี วิ่งตรงไป Windhelm แล้วงัดบ้าน Aretino Residence เลยก็ได้นะคะ เริ่มเควสได้เหมือนกัน

**หลัง จากจบเควสพักนึง จะมีคนนำสารวิ่งเอาจดหมายลึกลับมาส่งให้ หลังจากนั้นถ้าเรานอนหลับเราจะโดนลักพาตัว และเป็นการเริ่มเควสต่อไป แต่บางครั้งเราก็โดนลักพาตัวก่อนจดหมายมาถึงได้เหมือนกัน

** เควสเริ่มต้นเนื้อเรื่องสาย Dark Brotherhood
Rise in the East Orthus Endario
ให้ไปที่ท่าเรือเมือง Windhelm เข้าไปใน East Empire Company Offices คุยกับ Orthus Endario เขาจะพูดถึงปัญหาโจรสลัดปล้นแต่เรือเขากับเรือคนอื่น แต่เรือของบ้าน Shatter-Shield ดันไม่เป็นไรเลย แล้วจะขอให้เราช่วยไปเนียนขโมย Suravis Atheron's Logbook จากใน Clan Shatter-Shield Offices ข้างๆให้หน่อย ให้เราไปจัดการตบสมุดมา แล้วเอาไปให้ Orthus เขาจะให้เราไปหา Stig Salt-Plank ที่ Windpeak Inn เมือง Dawnstar ให้ไปคุยแล้วจะกล่อม ติดสินบน ฯลฯ ยังไงก็ได้ จะได้ข้อมูลมา ให้กลับไปหา Orthus เราจะพบว่า Orthus อยู่กับ Adelaisa ซึ่ง Adelaisa จะขอให้เราช่วยต่อ โดยขอให้เราไป Japhet's Folly กับกลุ่มคนของเขาเพื่อจัดการเรื่องโจรสลัด ให้เตรียมตัวให้เรียบร้อย แล้วคุยกับ East Empire Mercenery ที่ท่าเรือ (มีลูกศรชี้) บอกว่าพร้อมแล้วเราจะขึ้นเรือไป
 
บนเรือ เกมจะให้เราคุยกับ Adelaisa เขาจะบอกแผนเรา ให้เราลุยเข้าไปก่อน เพราะนักเวทย์ Haldyn กางเขตอาคมไว้ เรือจะเข้าไปไม่ได้จนกว่าอาณาเขตจะคลาย คุยเสร็จให้เดินตามแพน้ำแข็งเข้าไปในถ้ำ Japhet's Folly ลุยดันเจี้ยนเข้าไปเรื่อยๆ จัดการเชือด Haldyn ซะ พอเราออกมาจะพบว่ากองกำลังของ Adelaisa กำลังถล่มฐานโจรสลัดอยู่ (ไม่ต้องห่วงพวกไฟ เราไม่โดนเดเมจ) ให้เดินไปคุยกับ Adelaisa เพื่อกลับไป Windhelm แล้วไปคุยกับ Orthus เพื่อจบเควส (รางวัลคือเงิน มากน้อยตามเลเวลตัวละครเรา และ Adelaisa จะมาเป็นผู้ติดตามเราได้)
The White Phial Nurelion
ให้ไปที่ร้านขายยา The White Phial ในเมือง Windhelm คุยกับตาแก่ชื่อ Nurelion ที่เป็นเจ้าของร้าน เขาจะขอให้เราช่วยไปเอาขวดแก้วในตำนานมาให้เขาหน่อย พร้อมจะให้ Nurelion's Mixture ที่จำเป็นในการเอามาด้วย
ให้ไปที่ Forsaken Cave ทางตะวันตกของเมือง Windhelm เข้าไปข้างในตามทาง อย่าลืมเรียน Shoute "Mark for Death" ด้วย เข้าไปจนถึงห้องทางตันที่มีภาชนะเปล่าๆอยู่กลางห้อง กดสำรวจแล้วริน Nurelion's Mixture ใส่ลงไป ทางลับจะเปิดให้เราไปเอาขวดแก้วในตำนาน (แต่ดันแตกไปแล้ว) ได้ ให้กลับไปหา Nurelion ซึ่งจะโมโหมากเพราะนึกว่าเราทำพัง แล้วให้ตังค์เราแค่ 5 เ้หรียญ (ไอ้แก่ เอ๊ง!!) แต่สักพัก Quintus Navale ลูกศิษย์ของตาแก่จะเดินมาให้เงินเราเพิ่มอีก 500 เพราะสงสารเราที่กลายเป็นที่ระบายความหงุดหงิดของอาจารย์แล้วจะจบเควส แต่หลังจากนี้ไม่กี่วัน จะมีคนนำสาส์นมาหาเราพร้อมจดหมายจาก Quintus พร้อมกับเควสต่อไป "Repairing the Phial"
Reparing the Phial -
หลังจากจบเควส The White Phial ไปได้สักพัก คนนำสาส์นจะวิ่งเอาจดหมายจาก Quintus Navale มาให้ ให้เดินทางไปหา Quintus ที่ร้าน The White Phial ในเมือง Windhelm อีกครั้ง เขาจะบอกว่าเขารู้แล้วว่าทำยังไงถึงจะซ่อมขวดแก้วที่พังนี่ได้ แล้วเขาจะขอให้เราไปเอาของมา 3 อย่างคือ Unmelting Snow, Mammoth Tusk Powder และ Briarheart
  • Unmelting Snow ให้ไปที่ยอดเขา Throat of the World
  • Mammoth Tusk Powder มีให้เก็บที่ Stonehill Bluff ทางเหนือของเมือง Whiterun
  • Briarheart ได้จากการฆ่า Forsworn Briarheart ตัวไหนก็ได้
หลังได้ของครบ 3 อย่างแล้วกลับไปหา Quintus เขาจะซ่อมขวดแล้วเอาไปอวดอาจารย์ แต่อาจารย์จะดีใจเกินไปหน่อย สิ้นใจคาเตียง Quintus เลยจะยกขวดนี้ให้เรา แต่ความที่เขาไม่ได้เก่งเท่าอาจารย์ เขาเลยไม่สามารถทำให้ขวดนี้ผลิตสาร หรือ ยาทุกชนิดได้เรื่อยๆ เหมือนกับที่ควรจะเป็น แล้วเราจะต้องเลือกว่าจะให้ขวดนี้มียาอะไรตลอดไป
  • I'd like it to have the power of healing. (ยากินแล้วฟื้น HP 100)
  • I want to resist the forces of magic. (ยากินแล้วโดนเวทย์ทุกชนิดเบาลง 20% เป็นเวลา 1 นาที)
  • I want to be tougher in battle. (ยากินแล้ว +20 Stamina เป็นเวลา 5 นาที)
  • I want to strengthen my magical skills. (ยากินแล้ว +20 Magicka เป็นเวลา 5 นาที)
  • I want to deal more damage in battle. (ยากินแล้ว +50% พลังโจมตีอาวุธมือเดียวเป็นเวลา 1 นาที)
  • I want to be better hidden in the shadows. (ยากินแล้วโดนจับได้ยากขึ้น 20% เป็นเวลา 1 นาที)

** ใครทำเควสกิลด์โจรของ Delvin แล้วต้องแก้บัญชีของร้าน The White Phial อย่าทำตอนเควสนี้เด็ดขาด เพราะ การที่ Nurelion ม่องเท่งจะทำให้เควสกิลด์โจร Fail ค่ะ

 

 

 Solitude

ชื่อเควส NPC ที่ให้ รายละเอียดเควส
The Mind of Madness Dervenin

ให้ไปคุยกับ Dervenin ซึ่งมักจะเดินไปเดินมาแถวๆใกล้ๆวิทยาลัย Bards College คุยเสร็จเขาจะเขาให้เราช่วยกล่อมให้เจ้านายเขาเลิกพักร้อนซะที แล้วจะบอกว่านายเขาอยู่ใน Pelagius Wing ของวัง Blue Palace แล้วจะให้ Pelagius's Hip Bone มา

ให้เราไปคุยกับ Una แล้วจะได้กุญแจมา ให้เข้าไปใน Pelagius Wing แล้วเดินไป จะเจอคัทซีนแล้วเราจะมาโผล่ที่ลานกว้างที่ Sheogorath กำลังเมาท์กับ Pelagius III อย่างเมามัน ให้คุยกับ Sheogorath เลือก "I'm here to deliver the message" จากนั้นจะมีตัวเลือกอีก เสร็จ Sheogorath จะเล่นเกมกับเรา แล้วให้เราถือคฑา Wabbajack แก้ปริศนาในนี้ ซึ่งจะแบ่งเป็น 3 ทาง โดยมีโต๊ะอาหารเป็นศูนย์กลาง เราต้องแก้ให้หมดทั้ง 3 ทาง

  • ทางนึงจะมีผู้ชาย 2 คน คนนึงจะพยายามต่อยอีกคน และ อีกคนจะไม่ตอบโต้ ให้ใช้ Wabbajack ยิงคนที่ต่อยอยู่ให้ตัวเล็กที่สุดที่เป็นไปได้ และยิงให้คนที่ไม่ตอบโต้ตัวใหญ่ที่สุดที่เป็นไปได้ ก็จะผ่านตรงนี้ (ระหว่างยิงจะมีตัวละครผีๆโผล่มา ไม่ต้องสน ยิง 2 คนหลักไปเลย)
  • อีกทางนึง จะมีเตียงที่มีคนนอนอยู่ ให้ยิง Wabbajack ใส่คน แล้วจะมีศัตรูโผล่มา ให้ยิงศัตรูให้หมด จะมีหมาป่า, หัวหน้าโจร, Hagraven, Atronach, Dragon Priest แล้วจะผ่าน (ศัตรูโผล่ทีละตัว)
  • อีกทางจะเป็นสนามประลอง ในสนามจะมี Atronach 2 ตัวตบกัน ไม่ต้องสนใจ ยิง Wabbajack ใส่คนดูในอัฒจันทร์ ซึ่งจะกลายเป็นหมาป่า แล้วยิงหมาป่าอีกทีก็จะผ่าน

กลับไปคุยกับ Sheogorath เลือก "I've done it. I've fixed Pelagius's mind." จากนั้นดู Sheogorath พล่ามไปสักแปป แล้วเขาจะกลับไปแต่โดยดี โดยจะยก Wabbajack ให้เรา แล้ววาร์ปเรากลับไปที่ Pelagius Wing

The Man who Cried Wolf Falk Firebeard
ตอนเข้าวัง Blue Palace ในเมือง Solitude จะเจอเหตุการณ์ชาวบ้าน (Varnius Junius) มารายงาน Jarl และขุนนาง ณ ที่นั้น เรื่องเสียงประหลาดที่มาจากถ้ำ Wolfskull ซึ่งดูเหมือนคนจะไม่สนใจเท่าไหร่ ให้รอให้จบเหตุการณ์แล้วคุยกับ Falk Firebeard แล้วถามเรื่องที่เกิดขึ้น แล้วอาสาช่วยไปดูเรื่องให้เพื่อรับเควส จากนั้นเดินทางไปที่ถ้ำ Wolfskull ทางตะวันตกของ Solitude แล้วตะลุยดันเจี้ยนเชือดพวกนักเวทย์ข้างในให้หมดเพื่อยับยั้งพิธีกรรม หลังเชือดหัวหน้าเสร็จ เดินไปสับสวิทช์ตรงใกล้ๆลานพิธีให้สะพานลงมา แล้วไปเก็บหีบออกจากดันเจี้ยน แล้วกลับไปคุยกับ Falk Firebeard ก็จะจบเควส (รางวัลเป็นเงินมากน้อยตามเลเวลของเรา)
** หลังจากนี้สักพักจะมีคนนำสาส์นวิ่งมาหาเราพร้อมจดหมายของ Falk Firebeard เป็นการเริ่มเควส The Wolf Queen Awakened ค่ะ
** เควสจำเป็นสำหรับการซื้อบ้าน และ เป็น Thane เมือง Solitude
The Wolf Queen Awakened -
หลังจากจบเควส The Man who Cried Wolf ไปได้สักพัก จะมีคนนำสาส์นวิ่งมาหาเราพร้อมจดหมายของ Falk Firebeard ให้ไปคุยกับ Falk ที่วัง Blue Palace เขาจะบอกว่ารอบที่แล้วเราไปพังพิธีกรรมปลุกราชินี Potema เข้า เราเลยมีพันธะบางอย่างอยู่กับ Potema และจะให้เราไปคุยกับ Styrr ที่ Hall of the Dead ของเมือง Solitude พอไปคุย Styrr จะบอกว่า Potema อยู่ที่สุสานใต้ดินของเมือง และจะให้กุญแจสุสานพร้อมคาถา Turn Undead มา พร้อมขอร้องให้เราช่วยนำซากของ Potema มาด้วยเขาจะได้ปัดเป่า
ให้ไปที่สุสานแล้วลุยดันเจี้ยนเข้าไป ระหว่างทาง Potema จะคุยกับเราเป็นระยะๆ พอเข้าไปถึงข้างในสุดจะต้องสู้กับ Potema ให้จัดการซะ แล้วหยิบกะโหลกที่เก้าอี้มา จากนั้นไปตามทางเดินออกจากดันเจี้ยน เอาซากของ Potema ไปให้ Styrr ที่ Hall of the Dead แล้วกลับไปคุยกับ Falk ที่วัง Blue Palace ก็จะจบเควส (รางวัลคือ เงินตามเลเวลเรา และ โล่ Shield of Solitude ซึ่งสามารถเอามาเรียน Enchantment "Resist Magic" แบบแรงได้)
Lights Out! Jaree-Ra
ตอนเดินในเมืองบางทีตอนสวนกับนายกิ้งก่า Jaree-Ra เขาจะพูดเปรยเผื่อเราจะสนใจงานพิเศษของเขา ซึ่งถ้าเราจะทำเควสก็ไปคุย เขาจะพูดถึงแผนรวยไวของเขา แล้วจะให้เราไปจัดการดับไฟประภาคาร Solitude Lighthouse ซะ ก็ให้เดินทางไปทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมือง ขึ้นประภาคารไปดับไฟซะ แล้วไปพบ Jaree-Ra ที่ท่าเรือ East Empire Company Docks เขาจะบอกว่าแผนสำเร็จด้วยดี เรือจมไปเรียบร้อย และน้องสาวของเขา Deeja ก็ไปรอเราอยู่ที่นั่นแล้ว
 
ให้เดินทางไปที่ซากเรือที่ลูกศรบอก ตอนนี้เราจะมีทางเลือก 2 ทาง
  • ฆ่าทุกอย่างที่ขวางหน้า (เนื่องจากยามม่องไปพร้อมเรือล่ม เลยไม่มีวันโดนค่าหัว) ฆ่า Deeja ด้วยแล้วอ่านโน้ต Note from Jaree-Ra ซึ่งจะเริ่มส่วนต่อไปของเควส
  • ทำตามเนื้อเรื่องบอกคือ ไปหา Deeja พอเราไปถึงเรือ จะเจอลูกน้องโจร Blackblood ที่จะยังไม่โจมตีเรา เขาจะบอกว่า Deeja อยู่ข้างล่าง แล้วปล่อยเราเข้าไป ให้เข้าไปจนถึง Deeja คุณเธอจะออกลายแล้วมาไล่ฆ่าเรา ให้ฆ่า Deeja ซะ แล้วอ่าน Note from Jaree-Ra แล้วตอนนี้พวก Blackblood อื่นๆจะไล่ฆ่าเราเช่นกัน ให้ตะลุยออกมาซะ

ตอนนี้ให้ไปที่ Broken Oar Grotto จัดการตะลุยล้างบางโจร พร้อม Jaree-Ra ที่หักหลังเราให้เรียบร้อย แล้วจะจบเควส

 

 

Riften

ชื่อเควส NPC ที่ให้ รายละเอียดเควส
The Book of Love Dinya Balu

ให้ไปที่ Temple of Mara ในเมือง Riften แล้วคุยกับ Dinya Balu เขาจะให้เราออกไปช่วยเหลือคู่รักที่ท่าทางจะสมหวังได้ยากในหมู่บ้าน Ivarstead ให้เราเดินทางไปที่นั่นแล้วคุยกับ Fastred เขาจะบอกให้เราช่วยคุยกับพ่อแม่ของเธอทีเพราะพ่อแม่ไม่ชอบแฟนเธอ ให้ไปคุยกับ Boti แล้วก็ Jolftir จากนั้นเราจะต้องเลือกว่าจะไปคุยกับ Klimmek หรือ Bassianus Axius ซึ่งจะแฮปปี้เอนดิ้งทั้งคู่ (แต่ถ้าเราเลือก Bassianus เขาจะพา Fastred ย้ายไปเมือง Riften) จากนั้นให้กลับไปหา Dinya Balu

Dinya จะให้งานอีกงานเรามาทำ ให้เดินทางไปเมือง Markarth แล้วคุยกับ Calcelmo เขาจะบอกว่าเขาหลงรัก Faleen องครักษ์ของ Jarl Igmund (ถ้าไปคุยกับ Faleen จะพบว่าเจ๊ไม่สน Calcelmo เลย) ให้เราไปหา Yngvar the Singer แล้วยอมเสียเงิน 200 ให้เขาช่วยแต่งกลอนจีบให้ จากนั้นเอากลอนไปส่งให้ Faleen ซึ่งเขาจะแปลกใจ แล้วจะเขียนจดหมายตอบกลับให้ ให้เอาไปให้ Calcelmo แล้ว Calcelmo จะวิ่งจู๊ดไปคุยกับ Faleen (แฮปปี้เอนดิ้ง) ส่วนเราก็กลับไปหา Dinya อีกรอบ

ครั้งนี้ Dinya จะให้เราช่วยอีกงาน ให้เดินทางไปที่ Gjukar's Monument จะเจอผีชื่อ Ruki ให้คุยกับเขา จะพบว่าเขาพยายามหาสามีอยู่ (แถมไม่รู้ว่าตัวเองตายแล้วด้วย) พอคุยเสร็จให้เปิดมาร์กเกอร์แล้วไปที่นั่น จะเจอผี Fenrig ที่เป็นสามีของ Ruki คุย แล้วเดินทางกลับไปที่ Gjukar's Monument แล้วยืนดูเหตุการณ์ (แฮปปี้เอนดิ้ง) แล้วกลับไปหา Dinya ซึ่งจะจบเควส แล้วเราจะได้พลังพิเศษ Agent of Mara ที่ทำให้มีความต้านทานเวทมนตร์เพิ่มขึ้น 15% (มีผลตลอด)

** ถ้าตอนเราทำเควสนี้ ฝ่าย Stormcloak ครอง Markarth อยู่ จะได้เห็น Calcelmo วิ่งตลอดทางจาก Markarth ไป Solitude เพื่อความรัก(ต่างวัย)เลยทีเดียว

Unfathomable Depths From-Deepest-Fathom

ระหว่างเดินในเมือง หรือ แถวๆท่าเรือ Riften จะเจอมนุษย์กิ้งก่าชื่อ From-Deepest-Fathoms เขาจะมาหาเรา ขอให้เราช่วยเอา Lexicon ไปที ให้ตอบตกลง แล้วเขาจะบอกให้เราไปที่โบราณสถานดวาร์ฟ Avanchnzel

ให้เดินทางไปที่ Avanchnzel ทางตะวันตก(เฉียงใต้นิดๆ)ของเมือง Riften ติดแนวภูเขาทางใต้ พอไปถึงให้ลุยดันเจี้ยนไปเลย ผ่าน Avanchnzel, Avanchnzel Animoncultory ไปที่ Avanchnzel Boilery ระหว่างทางจะเจอเหตุการณ์ของกลุ่มเพื่อนของ From-Deepest-Fathoms เรื่อยๆ พอเข้าไปจนถึงข้างในก่อนถึงแท่นวาง Lexicon จะเจอ Dwarven Centurion Gaurdian ให้จัดการซะ แล้วเอา Lexicon วางบนแท่น แล้วจะจบเควส พร้อมได้ความสามารถ Ancient Knowledge มา

** จำกัดเลเวลขั้นต่ำ 15
A Chance Arrangement Brynjolf

เควสนี้จะเริ่มเมื่อ Brynjolf เดินมาคุยกับเรา ตอบคำถามเขาแล้ว เขาจะให้เราโชว์ฝีมือสักหน่อย หลังคุยเสร็จเขาจะเดินกลับไปยืนที่ร้านตัวเอง ให้เดินไปคุย แล้วบอกว่า "I'm ready" หลังจากนั้น Brynjolf จะป่าวประกาศเรียกลูกค้า ทำให้ทั้งคนธรรมดาทั้งพ่อค้าแม่ขาย (ยกเว้นยามในเมือง) เดินไปดูสินค้าของเขา ตอนนี้ให้เดินไปด้านหลังเคาเตอร์ขายของของนายกิ้งก่า Madesi (เป็นร้านขายเครื่องประดับ จะมีตู้โชว์ด้วย) ก้มลง อย่าลืมกดเข้าโหมด Sneak รอจนตาปิด แล้วสะเดาะกลอนเปิดหลังเคาเตอร์ แล้วก็สะเดาะเปิดกล่องเล็กสีดำข้างในด้วย แล้วหยิบแหวน Madesi's Ring ออกมา หลังจากนั้นเดินไปข้างหลัง Brand-Shei (เป็นดาร์คเอลฟ์ เขาจะนั่งอยู่หน้า Brynjolf ระหว่างเขาพูด) กดเข้าโหมด Sneak อีกครั้ง รอจนตาปิด แล้วกดล้วงกระเป๋า ยัดแหวน Madesi's Ring เข้าไปแล้วกดออกมา ตอนนี้ Brynjolf จะเลิกประกาศ คุยกับเขา เขาจะให้เงินเรามาเป็นค่าตอบแทน แล้วบอกให้เราไปหาเขาที่ The Ragged Flagon

** ถ้าเรายืนดูเหตุการณ์ต่อ จะมีเหตุการณ์ที่ยามเดินมารวบ Brand-Shei

** หลังทำเควสนี้จบ Brand-Shei จะไปประดิษฐานอยู่ในคุก ถ้าอยากทำเควสของหมอนี่ก็ตามไปที่นั่นได้

** เควสจำเป็นสำหรับการเข้า Thieves Guild
Taking Care of Business Btynjolf

หลังจากจบเควสแรก Brynjolf จะบอกให้เราไปหาเขาที่ The Ragged Flagon ให้เดินลงไปชั้นล่างของเมือง Riften แล้วเข้าไปใน The Rat Way (ท่อระบายน้ำใต้เมือง)

ข้างใน The Rat Way จะมีพวกโจร (ไร้สังกัด) อยู่ ซึ่งจะโจมตีเราทันทีที่เห็น จัดการให้หมด ดันเจี้ยนนี้วกวนหน่อย ให้เดินระวังหน่อย พอไปถึง The Ragged Flagon ให้เดินไปคุยกับ Brynjolf ที่รออยู่ที่บาร์

พอคุยกับ Brynjolf เขาจะให้เราไปทำงานทวงหนี้ให้เขา (ไม่ต้องทำตามลำดับก็ได้) ซึ่งลูกหนี้พวกนี้ไม่ยอมจ่ายดีๆหรอก แม้เราจะคุยด้วยก็ตาม ต้องเล่นลูกไม้กันหน่อย

  • ลูกหนี้คนแรกคือ Keerava เจ้าของบาร์ Bee and Barb ให้เราคุยกับแฟนเขาที่ชื่อ Talen-Jei แล้วเลือก "You might want to talk some sense into Keerava" แล้วเขาจะบอกจุดอ่อนของแฟนมา ให้คุยกับ Keerava เรื่องหนี้ ตอนนี้เขาจะยอมจ่ายแล้ว
  • ลูกหนี้คนที่สองคือ Bersi Honey-Hand เจ้าของร้าน Pawned Prawn เดินเข้าร้านไป แล้วหมุนกล้องไปทางขวา จะเห็นไหท่าทางแพงวางอยู่ใบนึงตรงโต๊ะ ตรงข้ามเคาเตอร์ขายของ ชักอาวุธทุบไหไปจนกว่าจะแตก (ไอ้หมอนี่จะร้องจ๊ากด้วย แต่ไม่ต้องสน ทุบจนกว่าจะแตกไปเลย) เสร็จแล้วหันไปคุยกับหมอนี่ แล้วหมอนี่จะยอมจ่ายแต่โดยดี
  • ลูกหนี้คนที่สามคือ Haelga เจ้าของบ้านพักจับกัง Haelga's Bunkhouse ให้เดินเข้าบ้านพักไป เดินเลี้ยวขวาอ้อมไปหลังกำแพง จะเจอรูปปั้น Statue of Dibella อยู่ ให้กด Sneak รอจนตาปิดแล้วขโมยซะ หลังจากนั้นเดินไปคุยกับ Haelga แล้วคุณเธอจะยอมจ่าย

เราจะต้องใช้การขู่แค่ 2 คนแรก (คนไหนก่อนก็ได้) แล้วคนที่ 3 จะยอมจ่ายแต่โดยดีทันทีที่คุย เสร็จแล้วก็กลับไปหา Brynjolf เขาจะให้เราตามเขาไป เขาจะพาเราไปแนะนำกับ Mercer Frey แล้วเราจะได้เข้า Thieves Guild อย่างเป็นทางการ จากนั้น Mercer จะให้เควส Loud and Clear เราต่อ

** เควสจำเป็นสำหรับการเข้า Thieves Guild
Promises to Keep Luis Letrouch
หลังรับเควสนี้มามีหลายทางเลือกค่ะ
  • ทำเควสไปตามปกติ ด้วยการไปคุยกับ Sibbi Black-Briar แล้วไปที่ Black-Briar Lodge นอกเมือง Riften เชือดศัตรูแล้วเข้าไปข้างในหยิบกระดาษ Frost's Linage Papers แล้วออกมา โดดขี่ Frost (ม้า) แล้วขี่ไปทางเหนือ จะเจอ Louis รับตังค์ แล้วก็ให้ม้า Frost ไป
  • ปากสว่างไปฟ้อง Maven Black-Briar เขาจะบอกให้ทำเนียนทำเหมือนปกติเลย แต่ตอนท้าย ให้ขโมย Frost ซะ
  • ทำเควสตามปกติ แต่ตอนท้าย ขู่ไอ้ Louis ว่าจะไปฟ้อง Maven แล้วเราจะได้ Frost มาเหมือนกัน แถมได้ตังค์ด้วย
 
** ถ้าเราคุยกับ Sibbi บางทีจะได้ Sibbi's Stash Key มา ซึ่งอันนี้สามารถเปิดกล่อง Strong Box ใน Black-Briar Loedge ได้ค่ะ

 

 

Markarth

ชื่อเควส NPC ที่ให้ รายละเอียดเควส
The Heart of Dibella
Dengier /
Hamal

ให้ไปที่เมือง Markarth คุยกับขอทาน Degiane เขาจะพูดถึงสมบัติที่เขาคาดอยู่อยู่ในวิหารเทพดิเบลล่า ให้เราไปที่วิหาร แล้วพอเข้าไปจะเจอ นักบวชหญิงชื่อ Senna เขาจะบอกว่า นักบวชคนอื่นกำลังอยู่ระหว่างประชุม และห้ามรบกวนเด็ดขาด แต่ธุระของเรามันอยู่ข้างใน เพราะงั้นจะสะเดาะกลอนประตูเอง หรือ จะตบ(ล้วงกระเป๋า) เอากุญแจจาก Senna ก็ได้ พอเข้าไปแล้วให้จงใจถูกจับได้ หัวหน้านักบวชที่ชื่อ Hamal จะมาคุยกับเรา ให้เลือกช่วย Hamal หา Sibyl (หญิงพยากรณ์) คนใหม่ เสร็จแล้วให้เดินทางไป Karthwasten แล้วไปหา Enmon เขาจะขอให้ช่วยลูกสาวของเขาชื่อ Fjotra ที่ถูกพวก Forsworn ลักพาตัวไป จากนั้นให้เราเดินทางไปที่ Broken Tower Redoubt ให้ลุยดันเจี้ยนเข้าไปหา ฆ่าทุกอย่างที่ขวางหน้า พอเราไปถึงกรงที่ขัง Fjotra คุยเสร็จ ให้เดินทางกลับไปที่วิหาร Temple of Dibella แล้วคุยกับ Hamal เขาจะบอกให้เราวางมือบนแท่นบูชา (สำรวจ ว่างั้น) แล้วเราจะได้พลังพิเศษ "Agent of Dibella" ที่ทำให้โจมตีเพศตรงข้ามได้แรงขึ้น 10% (มีผลตลอด)

** สามารถตบรูปปั้นมาแล้วเอาไปขาย Degiane โดยไม่ถูกจับได้ แล้วเข้าไปอีกทีแล้วจงใจโดนจับได้เพื่อทำเควสก็ได้ (ขอบคุณคุณ HorrorDay ที่ช่วยยืนยันค่ะ)

The House of Horrors Vigilant Tyranus

ตอนกลางคืน พอเดินผ่านบ้านร้างในเมือง Markarth จะเจอ Vigilant Tyranus เดินมาถามเราว่าเราเห็นคนออกมาจากบ้านนี้บ้างไหม จะตอบยังไงก็ได้ เขาจะขอให้เราช่วยเขาสำรวจบ้านนี้ ก็ให้ตามเขาไป (** เซฟก่อนเข้า เพราะมีคนเจอบั๊กติดอยู่ในบ้าน ออกไม่ได้มาแล้ว)

พอเข้าไปก็ให้ตาม Tyranus ไปเรื่อยๆ แล้วสักพักจะเกิดเหตุการณ์ แล้วจะมีเสียง Molag Bal พูดในหัวว่าให้ฆ่า Tyranus ซะ แล้ว Tyranus จะมาโจมตีเราเพราะเขาไม่อยากตาย (เขาก็ได้ยินเสียงเหมือนกัน) ให้จัดการซะแล้วเดินตามทางเข้าไปข้างในสุดจะเจอแท่นบูชา ให้กดสำรวจแล้วเราจะโดนขังกรง จากนั้นก็ต้องคุยกับ Molag Bal ผ่านกรง คุยเสร็จเขาจะปล่อยเรา แต่เราต้องไปลากไอ้สาวกของ Boethiah ที่ชื่อ Logrolf the Willful มา

ให้เปิดมาร์กเกอร์เพราะสถานที่จะสุ่ม พอไปถึง ลุยดันเจี้ยน แล้วเข้าไปคุยกับ Logrolf จะเลือกอะไรก็ได้ แล้วตานี่จะรีบวิ่งไปเมือง Markarth

พอเรากลับไปที่บ้านร้าง เข้าไปจนถึงแท่นบูชา จะเจอ Logrolf กำลังทำพิธี แต่จะเจอ Molag Bal จับขังกรงทันที จากนั้น Molag Bal จะใช้เรา ให้ใช้กระบองทุบจน Logrolf ยอมแพ้ แล้วกระบอง Mace of Molag Bal จะคืนสภาพกลับมามีพลังเหมือนเดิม แล้วตอนนี้ Molag Bal จะสั่งอีก ให้เราทุบ Logrolf ให้ม่องไปซะ ทำตาม แล้ว Molag Bal จะยกกระบองให้เรา พร้อมยกบ้านร้างนี้ให้เราด้วย

The Taste of Death Brother Verulus

ให้เราไปที่วัง Understone Keep ในเมือง Markarth เดินไปทางซ้ายไปที่หน้า Hall of the Dead จะเจอ Brother Verulus ให้คุยกับเขา เขาจะขอให้เราช่วยสำรวจ Hall of the Dead หน่อย พอเข้าไปจะได้ยินเสียง แล้วจะเจอ Eola เขาจะคุยกับเรา แล้วจะมีตัวเลือก (อย่าเลือกตัวเลือกที่ 3 เพราะ Eola จะโจมตีเรา แล้วเราจะไม่มีทางอื่นนอกจากฆ่าเขา แล้วเควสก็จะทำไม่ได้ไป) คุยเสร็จให้กลับไปคุยกับ Verulus แล้วเราจะต้องเดินทางไปที่ Reachcliff Cave

พอไปถึง Reachcliff Cave จะเจอ Eola อยู่ข้างหน้าถ้ำ จะมีตัวเลือกว่าจะลุยด้วยกันหรือเราลุยเดี่ยว เลือกเสร็จก็จัดการเคลียร์ถ้ำซะ พอเข้าไปถึงข้างในสุดจะเจอแท่นบูชา Namira ซึ่ง Eola จะขอบคุณเรา แล้วขอให้เราไปลาก Verulus มาที ให้เดินออกจากถ้ำตรงทางลัด กลับไปที่ Markarth แล้วกล่อม หรือ ติดสินบนให้เขามาด้วย จากนั้นพอพามาถึง Eola จะจัดการกล่อมจน Verulus ไปนอนบนแท่น แล้วเราจะต้องฆ่า Verulus แล้วก็ เอิ่ม... 1 คำ... แล้ว Namira จะพูดกับเรา แล้วให้แหวน Ring of Namira มา แล้วเราจะสามารถให้ Eola เป็นผู้ติดตามเราได้

The Forsworn Conspiracy Eltrys
หลังจากอ่านโน้ต ให้เราไปที่ Temple of Talos ในเมือง Markarth เพื่อคุยกับ Eltrys เขาจะให้เราไปสืบเรื่อง Magaret (คนที่โดนฆ่า) กับ Weylin (คนที่ลงมือฆ่า)
  • สำหรับ Magaret ให้ไปสืบที่ Silver-Blood Inn คุยกับ Kleppr เขาจะบอกห้องของ Magaret ให้ ให้เดินไปตามทางเดินทางซ้ายจนถึงห้องในสุดแล้วค้น จะเจอ Magaret's Journal ให้อ่านซะ จะพบว่า Thonar Silver-Blood อยู่เบื้องหลัง ตอนนี้ให้กลับไปคุยกับ Eltrys
  • สำหรับ Weylin ให้ไปที่ The Warrens พอเข้าไป Garvey จะมาคุยกับเรา ให้ถามเขาเรื่อง Weylin ซึ่งถ้ากล่อมเขาสำเร็จเขาจะให้กุญแจห้องของ Weylin มา แต่ถ้าไม่ก็ต้องงัดล็อคกันเอง พอเข้าไปในห้องแล้วให้เปิดหีบดู จะเจอ Weylin's Note ให้อ่านโน้ตซะ แล้วเราจะเจอชื่อปริศนา "N" ให้ต้องแกะรอยต่อ ให้เดินออกมาจาก The Warrens จะเจอ Dryston เข้ามาท้าต่อย ให้ต่อยให้ชนะ (ต่อยอย่างเดียว อย่าใช้อาวุธไม่งั้นเจอยามรุมด้วย) พอชนะ Dryston จะบอกว่า N คือ Nepos the Nose ให้กลับไปคุยกับ Eltrys
หลังจากนี้ให้เราไปที่บ้าน The Treasury House ซึ่งพอเข้าไปจะเจอ Rhiada คุย แล้วกล่อมซะ เขาจะยอมให้เราเข้าพบ Thonar Silver-Blood ตอนนี้เราจะมีตัวเลือกคือ ล้วงกระเป๋า Thonar หยิบ Journal มาอ่านซะ หรือ คุยกับ Thonar ซึ่งเขาจะพยายามไล่เราออกไป แล้วตอนนี้สาวใช้ทั้งบ้านจะเป็นศัตรู แล้วฆ่า Betrid Silver-Blood ภรรยาของ Thonar (ตามบท พยายามช่วยก็ไม่รอด) ให้จัดการสาวใช้ทุกคนซะ แล้วคุยกับ Thonar เขาจะพูดถึง Madanach แล้วไล่เราออกไป (ถ้าล้วงกระเป๋า ก็จะเลี่ยงการต่อสู้หรือ เหตุการณ์ตายได้)
 
เดินออกมาแล้วไปที่บ้าน Nepos ไม่ไกลจาก The Treasury House พอเข้าไปให้คุยกับ Uaile แล้ว Nepos จะบอกว่าให้ปล่อยเราเข้าไปคุยกับเขาได้ ตอนนี้ก็มีทางเลือกเหมือนกันคือ ล้วงกระเป๋าหยิบ Journal หรือ คุย ซึ่งหลังคุยเสร็จ เราจะต้องสู้กับทุกคนในบ้าน Nepos พอสู้เสร็จให้เดินออกมา
 
กลับไปที่ Temple of Talos จะเจอ Eltrys ที่โดนฆ่าปิดปากไปแล้ว แถมยามยังเหมาว่าเราเป็นคนฆ่าอีก ให้ทำปากดีตามบท ยอมเข้าคุกไป เพราะจะต้องทำเควส No One Escapes Cidhna Mine ต่อ
No One Escapes Cidhna Mines -
หลังจากโดนลากเข้าเหมือง เราจะเจอ Urgoza Gra-Shugurz พล่ามใส่ก่อนเลยว่าเราต้องขุดเหมืองอยู่นี่ตลอดชีวิต (ขุดให้โง่เดะ มาทำเควสเฟ้ย!) จากนั้นให้เดินไปคุยกับ Uraccen เขาจะบอกว่าจะไปเจอ Madanach ได้ต้องผ่าน Borkul ที่อยู่หน้าห้องซะก่อน ให้ไปคุยกับ Borkul เรามีทางเลือกได้ว่าจะไปหา Shiv (มีดจิ๋วพกพา) มาให้เขา พูดเกลี้ยกล่อม หรือ จะต่อยกับเขาให้ชนะ ซึ่งถ้าเลือกไปหา Shiv ก็ให้ไปหา Grisvar the Unlucky เขาจะให้ Shiv แลกกับ Skooma ซึ่ง Skooma เราต้องไปเอาจาก Dauch โดยต่อยให้ชนะ กล่อม หรือ ล้วงกระเป๋าเอามา ซึ่งพอเราผ่าน Borkul ไปได้ก็ให้คุยกับ Madanach
 
คุยกับ Madanach เขาจะให้เราไปคุยกับ Braig ก็ให้ไปคุยกับ Braig แล้วฟังเรื่องจากเขาตามสั่ง พอกลับไปหา Madanach เขาจะใช้เราไปฆ่า Grisvar the Unlucky ก็ให้ฆ่าซะ (ใช้ Shiv + Sneak Attack ถ้ามี perk "Assassin's Blade" ก็ ทีเดียวดับ) พอฆ่าเสร็จกลับไปหา Madanach เขาจะพาเราแหกคุกออกมา ซึ่งตอนนี้ให้วิ่งตามไปเรื่อยๆจนไปถึงหน้าทางออก เขาจะคืนอุปกรณ์ทั้งหมดให้เรา พร้อมให้ชุด Armor of the Old God มาทั้งเซ็ต พอเดินออกไปจะเจอ Thonar Silver-Blood พร้อมลูกน้องมาดัก แล้วก็จะเจอเหตุการณ์ชุลมุนพร้อมๆกับจบเควส (ค่าหัวของพื้นที่เมือง Markarth ของเราจะโดนลบไปด้วย)
 
** เราสามารถฆ่า Madanach แล้วเผ่นออกมาก็ได้ ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น Thonar จะเป็นฝ่ายคืนอุปกรณ์ให้เรา และ มอบแหวน Silver-Blood Family Ring ให้เรา

** อนึ่ง ถ้าอยากได้ทั้งแหวนห่วยๆ Silver-Blood Family Ring และ เกราะ Armor of the Old God ทั้งชุด ให้จัดการคุยกับ Madanach ถ่วงเวลารอให้ลูกน้องทั้งฝูงของ Madanach ออกไปข้างนอกก่อน จากนั้นเชือด Madanach ซะ แล้วค่อยออกไปคุยกับ Thonar เขาจะให้แหวนมา
The Lost Expedition -
หลังจากเราเข้าไปใน Nchuand-Zel แล้วฆ่า Nimhe ให้เดินขึ้นไปนิดนึงจะพบศพของ Alethius อยู่ไม่ไกลเท่าไหร่ ให้หยิบ Journal ข้างๆศพขึ้นมาอ่าน แล้วเควสนี้ก็จะเริ่ม
ให้เราเดินเข้าไปใน Nchuand-Zel จะเจอศัตรูพวก Falmer เรื่อยๆ ให้เข้าไปเรื่อยๆ ระหว่างทางมองหาโต๊ะทางขวามือ จะเจอโต๊ะนึงที่มี Stromm's Diary พอหยิบขึ้นมา เกมจะให้เราไปหาบันทึกของคนอื่นอีกคือของ Erj, Krag, และ Staubs ให้ไปต่อตามทาง เราจะเข้าไปใน Nchuand-Zel Armory ให้ไปตามทาง (หรือสำรวจก็ได้) เราจะไปเจอศพของ Erj กองอยู่ข้างๆศพ Falmer ให้ค้นตัว Erj หยิบ Journal ซะ แล้วไปต่อจนทะลุออกไปที่ Nchuand-Zel อีกทางหนึ่ง ซึ่งพอออกมาจะเจอศพ Krag แทบจะทันที หยิบบันทึกซะ แล้วไปต่อ เราจะเข้าไปที่ Nchuand-Zel Control ระวังอย่าเพิ่งใจร้อนโดดลง เพราะมันเป็นทางกลับไปข้างนอก ให้ไปอีกทางจะเจอศพของ Staubs พร้อมบันทึกเล่มสุดท้าย แล้วเกมจะให้เราไปเปิดกลไกป้องกันของ Nchuand-Zel ให้เราเดินผ่านศพเข้าไปข้างในสับสวิทช์ แล้วกลับไปหา Calcelmo เขาจะให้ค่าตอบแทนเรา 1000 เหรียญ แล้วจะจบเควส

 

 

Dawnstar

ชื่อเควส NPC ที่ให้ รายละเอียดเควส
Waking Nightmares Erandur

ให้เดินทางไปที่โรงแรม Windpeak Inn ในเมือง Dawnstar จะเจอเหตุการณ์ที่พระชื่อ Erundur คุยกับคนอื่นในโรงแรมเรื่องฝันร้ายที่หลอกหลอนคนท้องถิ่น ให้คุยกับ Erundur แล้วเขาจะขอให้เราช่วย

เขาจะเดินนำเราไปที่วิหาร Nightcaller Temple ให้คุยกับเขาก่อนเข้าวิหาร แล้วเดินตามเข้าไป จากนั้นให้ตาม Erundur ไปเรื่อยๆ แล้วเราจะพบว่าทางไปต่อมันโดนสนามพลังขวางไว้ แล้วเราจะต้องไปห้องสมุดซึ่งอยู่อีกทางเพื่อหาเบาะแสไปต่อ เดินตาม Erundur ไป แล้วคุยกับเขา เขาจะให้เราช่วยหาหนังสือ "The Dreamstride" (มันจะวางหลบมุมอยู่บนชั้น 2) ให้หยิบหนังสือมาให้เขา แล้วเขาจะเดินนำไปที่ห้องทดลอง ซึ่งเราจะต้องหาขวดยา Vaermina's Torpor (วางอยู่บนชั้น เป็นขวดสีดำๆ ถ้าเปิดมาร์กเกอร์มันจะชี้ไปที่ขวดเลย) ให้หยิบยามาให้ Erundur แล้วเขาจะบอกให้เรากินยาซะ จากนั้นจะเป็นคัทซีน แล้วเราจะต้องเล่นเป็นนักบวชในวิหารนี้ ให้เดินไปตามทางไปสับสวิทช์ แล้วเราจะกลับมาเป็นตัวเรา และยืนอยู่หน้าสวิทช์ ให้สับสวิทช์เพื่อปิดม่านพลังซะ คุยกับ Erundur แล้วเราจะต้องไปต่อ ให้ตาม Erundur ไปจนถึงห้องในสุด หลังบทสนทนาสั้นๆ และ จัดการศัตรูแล้ว Erundur จะทำพิธีเพื่อลบล้างคำสาปของกะโหลก Skull of Corruption ซึ่งตอนนี้เราจะได้ยินเสียงของ Vaermina ในหัว แล้วเราจะเลือกได้ว่าจะฆ่า Erundur หรือไม่
  • ถ้าฆ่า เราจะได้ Skull of Corruption มาใช้ (ถือเป็น 1 ใน Daedric Artifact ส่วนหนึ่งของ Achievement / Trophy "Oblivion Walker")
  • ถ้าไม่ฆ่า Skull of Corruption จะหายไปตลอดกาล และ จะสามารถเอา Erundur มาเป็นผู้ติดตามได้
** เควสจำเป็นกับการเป็น Thane เมือง Dawnstar
Pieces of the Past Silus Vesius

 หลังจากเลเวลถึง 20 จะมีคนส่งสารวิ่งเอาใบปลิวของพิพิธภัณฑ์ในเมือง Dawnstar มาให้ เสร็จแล้วให้เดินทางไปเมือง Dawnstar ไปที่ บ้านของ Silus Vesuius จะเจอเหตุการณ์ Silus ถกกับนักเวทย์หญิง ให้รอจนถกเสร็จ Silus จะเชิญเราเข้าไปชมบ้านเขาซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ตอนนี้ แล้วจะขอให้เราช่วยเขารวบรวมชิ้นส่วน Mehrunes' Razor ที่แยกเป็น 3 ส่วนให้หน่อย

  • ส่วนแรกอยู่ที่ Dead Crone Rock ดันเจี้ยนทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมือง Markarth  ซึ่งจะไปถึงได้ต้องฝ่าดันเจี้ยน Hag Rock Redoubt เข้าไป พอฝ่าเข้าไปถึงในสุดจะเจอ Hagraven ชื่อ Drascua ให้จัดการซะ แล้วเก็บชิ้นส่วนมา (บนโต๊ะใกล้ๆจะมีหิน Stone of Barenziah อยู่ด้วย)
  • ส่วนที่สองอยู่ที่ Cracked Tusk Keep ทางตะวันตกของเมือง Falkreath ให้ลุยดันเจี้ยนเข้าไปอัดกับหัวหน้าโจรชื่อ Ghunzul แล้วเก็บชิ้นส่วนมา
  • ส่วนที่สาม อยู่ที่ เมือง Morthal ให้ไปคุยกับ Jorgen แล้วจะกล่อม / ขู่ / ติดสินบน ก็ได้ ให้เขาพูดออกมาเรื่องชิ้นส่วน แล้วเขาจะให้กุญแจมา เสร็จแล้วไปที่บ้านเขา (Jorgen and Lami's House) เปิดหีบหยิบชิ้นส่วนได้

หลังได้ครบ 3 ชิ้นให้กลับไปหา Silus ซึ่งถ้าเราเก็บมา 3 ชิ้นรวด เขาจะเพิ่มเงินรางวัลให้เราด้วย จากนั้นเขาจะให้เราไปเจอเขาที่แท่นบูชาของ Mehrunes Dagon ซึ่งพอเราไปถึง เราจะต้องสำรวจแท่นบูชา แล้ว Mehrunes Dagon จะสั่งให้เราฆ่า Silus ให้ฆ่าซะ แล้ว Mehrunes Dagon จะให้ Mehrunes' Razor แบบสมบูรณ์มา พร้อมเรียก Dremora 2 ตัวเพื่อทดสอบเราเป็นขั้นสุดท้าย ให้ฆ่าซะแล้วเก็บกุญแจมา แล้วจะจบเควส

** กุญแจจาก Dremora เอาไว้เปิดทางเข้าตัววิหารที่อยู่ใต้รูปบูชาของ Mehrunes Dagon พอเข้าไปจะต้องสู้กับ Dremora อีก 2 ตัว แต่ข้างในนี่สมบัติเยอะอยู่ แถมได้ Daedra Heart จากไอ้ 2 ตัวนี่ด้วย

** Silus จะขอให้ไว้ชีวิตเขาโดยจ่ายเรา 500 (ถูกจังฟะ!?) แล้วเขาจะเอา Mehrunes' Razor แบบไม่ได้ซ่อมไปเก็บไว้ในตู้พิพิธภัณฑ์เอง จะได้ไม่มีใครตาย แต่ก็นะ... จะเอา Daedric Artifact มันต้องมีใครสังเวยชีพสิฟะ (ฮา)

 

 

Falkreath

ชื่อเควส NPC ที่ให้ รายละเอียดเควส
A Daedra's Best Friend ยามหน้าเมือง

พอเดินทางไปที่เมือง Falkreath ยามจะเดินมาถามเราว่าเห็นหมาไหม? หลังคุยเสร็จให้เดินไปคุยกับ Lod ช่างตีเหล็กในเมือง เขาจะขอให้ช่วยหาหมาของเขาให้หน่อยแล้วจะให้เนื้อมาด้วย ให้เปิดมาร์กเกอร์แล้วเดินไป พอไปถึงจะเจอหมา Babas เดินมาคุยกับเรา ขึ้นกับตัวเลือก Babas จะไปรอเราที่ Haemar's Shame หรือ เดินนำทางเราไปที่ Haemar's Shame ซึ่งอยู่ ทางตะวันออกของเมือง Helgen พอไปถึงแล้วเข้าไปในดันเจี้ยนจะพบว่าดันเจี้ยนนี้เต็มไปด้วยแวมไพร์ ให้จัดการซะให้หมดแล้วเข้าไปข้างในจะเจอแท่นบูชาของ Clavicus Vile ซึ่งเขาจะให้เราไปเอาขวาน Rueful Axe มาจาก Rimerock Barrow ให้ไปจัดการเคลียร์ดันเจี้ยน แล้วหยิบมาซะ พอกลับมาที่วิหารของ Clavicus Vile เขาจะให้ตัวเลือกเราว่าให้ใช้ขวานฆ่าหมาซะ หรือ จะไม่ฆ่าหมา แล้วบอกให้ Clavicus Vile เอาขวานไปซะ ซึ่งถ้าเลือกไม่ฆ่า เราจะได้ Mask of Clavicus Vile มา แต่ถ้าฆ่า เราจะได้ขวาน Rueful Axe แทน

** ถ้าทำเควสนี้ถึงที่ต้องไปเอาขวาน หมา Babas จะคอยตามเราตลอดและไม่มีวันตาย ใครอยากได้ผู้ติดตามพันธุ์โฮ่งโหดๆก็อย่าไปทำเควสนี้จนจบละกัน

** ระวังไว้ด้วย Mask of Clavicus Vile เท่านั้นที่นับเป็น Daedric Artifact ถ้าจะทำ Achievement / Trophy "Oblivion Walker" ต้องเลือกไม่ฆ่า Babas

Ill Met by Moonlight Sinding

(ทำหรือไม่ก็ได้) ไปที่เมือง Falkreath ตรงหลุมฝังศพจะมีพ่อแม่เด็กที่กำลังเศร้า ให้คุยกับพ่อเด็ก เขาจะบอกเรื่องมนุษย์หมาป่าที่ชื่อ Sinding ที่ฆ่าลูกสาวเขาไปแล้วตอนนี้ถูกขังอยู่ในป้อมยามเมือง Falkreath

ให้เราไปคุยกับ Sinding ในป้อมยามเมือง Falkreath เขาจะพูดเรื่อง Ring of Hircine ซึ่งว่ากันว่าจะทำให้ควบคุมพลังมนุษย์หมาป่าได้ แต่ดูเหมือนเขาจะโดนสาปเพราะขโมยแหวนมา แทนที่จะคุมพลังได้ กลายเป็นคลั่งกว่าเดิมแทน ให้ช่วยเขา แล้วเราจะได้แหวน Cursed Ring of Hircine มา ให้ยืนดูสักพัก Sinding จะแปลงร่างแล้วปีนกำแพงแหกคุกออกไป (ถ้าไม่ยืนดูบางครั้งจะติดบั๊ก) หลังจากนั้นให้เปิดมาร์กเกอร์ แล้วเดินไปทางตะวันออกของ Falkreath จะเจอกวางขาว ให้จัดการฆ่ามันซะ แล้วจิตวิญญาณของ Hircine จะโผล่มาคุยกับเรา แล้วเขาจะให้เราไปช่วยล่าที่ Bloated Man's Grotto ใกล้ทะเลสาบทางเหนือของเมือง Falkreath

พอเข้าไปเราจะมีทางเลือก 2 ทางค่ะ

  • ช่วย Sinding จัดการพวกพรานที่มาล่าเขาให้หมด พอจัดการเสร็จคุยกับเขา แล้วกลับออกไปนอกถ้ำคุยกับ Hircine ในสภาพกวางขาว เขาจะแก้คำสาปแหวนให้ แล้วเราจะได้ Ring of Hircine มา
  • ช่วยพวกพรานรุมกินโต๊ะ Sinding ตามที่ Hircine สั่ง พอจัดการ Sinding ได้ ให้สำรวจศพแล้วถลกหนังตามที่ Hircine สั่ง แล้ววิญญาณ Hircine ในสภาพคนจะโผล่มา เอาแหวนต้องสาปไป แล้วเปลี่ยนหนังของ Sinding เป็นหนึ่งใน Artifact ของ Hircine ชื่อ Savior's Hide แล้วยกเกราะ Savior's Hide ให้เรา

 

ทางเลือกที่ 3 ตูโลภ มีอะไรไหม???

พอเข้าไป ให้คุยกับ Sinding แล้วช่วย Sinding กวาดพวกพรานให้หมด แล้วคุยกับ Sinding จากนั้นฆ่า Sinding ถลกหนังซะ แล้วรีบวิ่งย้อนทางออกไปข้างนอก คุยกับกวางขาวเพื่อเอา Ring of Hircine แล้วกลับไปข้างใน คุยกับ Hircine ภาควิญญาณ เพื่อเอา Savior's Hide

 

 

Morthal

ชื่อเควส NPC ที่ให้ รายละเอียดเควส
Laid to Rest
Jonna /
ยามในเมือง

ไปที่โรงแรม Moorside Inn ในเมือง Morthal หรือ คุยกับยามในเมือง Morthal ก็ได้ ถามเรื่องไฟไหม้ แล้วเขาจะให้เราไปหา Jarl พอไปคุยกับ Jarl เขาจะให้เราช่วยสืบคดีไฟไหม้ ให้เดินไปที่บ้านที่ไฟไหม้ จะเจอผีเด็กชื่อ Helgi คุยกับเขาแล้วเขาจะให้เราเล่นซ่อนหา ให้รอจนมืด แล้วเดินออกไปทางหลังบ้าน ขึ้นเนินไปทางตะวันตก จะเจอ Laelette the Vampire ให้ฆ่าซะ แล้วสำรวจโลงศพใกล้ๆ Helgi จะพูดกับเรา จากนั้นสามีของ Laelette ชื่อ Thonnir จะเดินมาคุยกับเรา คุยเสร็จเราจะต้องไปค้นบ้านของ Alva จะรอจนกลางวันแสกๆ แดดส่องหัว ให้ Hroggar ออกไปทำงานก่อน จากนั้นสะเดาะกลอนเข้าบ้าน Alva ก็ได้ (จะได้ไม่ต้องสู้กับ Hroggar) พอเข้าไปแล้วเดินลงชั้นใต้ดินเข้าไปใน Alva's Cellar ยัยตัวแสบจะลุกจากโลงมาสู้กับเรา ให้จัดการซะ แล้วหยิบ Alva's Journal ในโลงมาด้วย กลับไปคุยกับ Jarl เขาจะให้เราช่วยล้างรังแวมไพร์ให้หน่อย เดินออกมาจะเจอชาวบ้านมาชุมนุมกัน ไม่ต้องสน (เพราะชาวบ้านไม่ตามเข้าไปช่วยเราอยู่ดี ไม่ต้องรอ) วิ่งไปที่ Movarth's Lair ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมือง แล้วล้างบางรังแวมไพร์ซะ เดินกลับออกมาจะเจอ Helgi เขาจะบอกลา แล้วให้เรากลับไปคุยกับ Jarl เพื่อจบเควส Laid to Rest

** ใครอยากเป็นแวมไพร์ก็ยืนโดนตบไปเลยค่ะ แถวนี้แวมพ์เยอะมาก (ฮา)

** เควสจำเป็นกับการเป็น Thane เมือง Morthal
Rising at Dawn Falion
ไปที่โรงแรมไหนก็ได้ ( Falkreath จะมีแน่นอน) คุยหาข่าวลือ ให้เขาบอกว่า "They say Falion of Morthal has studied vampires, draugrs, and all matters of undead." เพื่อรับเควส Rising at Dawn จากนั้นให้เดินทางไปที่ Morthal แล้วไปหา Falion ที่ Falion's House คุยแล้วเลือก "I've heard you're an expert in vampirism." หลังจากนั้นเลือก "I'm looking for a cure." จากนั้นเขาจะให้เราหา Black Soul Gem แบบมีวิญญาณข้างในมาให้เขา (ถ้าไม่มีก็ซื้อ Black Soul Gem จาก Falion หลังจากนั้นไปฆ่าศัตรูพวกที่เป็นคน อย่างโจร อย่าลืมใช้อาวุธ Soul Trap หรือ คาถา Soul Trap ด้วย) คุยกับเขา แล้วเลือก "I have a filled black soul gem." จากนั้นเขาจะนัดเราไปที่นอกวงเวทย์นอกเมืองตอนรุ่งสาง (ให้ไปสัก ตี3-ตี4) คุยกับเขาแล้วเขาจะทำพิธี หลังพิธีจบเราก็จะเป็นคนปกติเหมือนเดิม
** เควสแก้การเป็นแวมไพร์

 

 

เควสอยู่ไม่เป็นที่

ชื่อเควส NPC ที่ให้ รายละเอียดเควส
A Night to Remember Sam Guevenne

หลังเลเวลเราเกิน 14 เวลาเราเดินไปเข้าบาร์เหล้าหรือโรงแรม จะเจอ Sam Guevenne ซึ่งจะท้าเราดวลเหล้า ให้รับคำท้า ซึ่งเราจะดวดเหล้าชนะ แต่จากนั้นก็จะตัดเข้าจอดำแล้วเราจะฟื้นอีกทีที่ Temple of Dibella ซึ่ง Priestess of Dibella ชื่อ Sena จะเป็นคนปลุกเรา ตอนนี้จะมีตัวเลือก ซึ่งขึ้นกับว่าเราเลือกอันไหนไป ว่าเราจะต้องเก็บกวาดขยะในโบสถ์ ก่อนแล้วเขาจะบอกเราว่าต้องไปที่ไหน หรือ เราจะไปได้เลยถ้าเรากล่อมเขาดีๆ ซึ่งยังไงก็ตามแต่ เราต้องไป Rorikstead ต่อ

พอไปถึง Rorikstead ให้เดินไปหา Ennis เขาจะเข้ามาโวยว่าเราขโมยแพะชั้น 1 ของเขาไปขายให้พวกยักษ์ ซึ่งตอนนี้ขึ้นกับว่าเราเลือกอะไร จะจ่าย 1000 เป็นค่าแพะ, จะไปตบยักษ์เอาแพะมาคืน หรือ จะกล่อมเลยก็ได้ เขาจะบอกว่าตอนเราเมาเราพูดเรื่องอะไรสักอย่างเกี่ยวกับ Ysolda ในเมือง Whiterun

ไปคุยกับ Ysolda คุณเธอจะทวงค่าแหวนแต่งงานที่เราต๊ะเอาไว้ตอนเมา ซึ่งเราจะจ่าย 2000 ค่าแหวน ไปตบ Hagraven ที่ Witchmist Grove เอาแหวนคืน หรือ จะกล่อมก็ได้ Ysolda จะบอกว่าเราพูดว่าจะต้องไปที่ Morvunskar

พอไปถึง Morvunskar ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมือง Windhelm จะเจอศัตรูเยอะพอสมควร พอเราเข้าไปห้องในสุดจะเจอบอลแสง ให้เดินเข้าไปเราจะไปโผล่ที่ Misty Grove แล้วเจอคุณ Sam เจ้าปัญหากำลังสังสรรค์กับคนอื่นๆ หลังคุยกับสักพักคุณ Sam จะเผยตัวจริงว่าเขาคือ Sanguine (นี่ตูดวดเหล้ากะเทพปิศาจเรอะเนี่ย!?) หลังจากคุยเสร็จเขาจะให้คฑา Sanguine Rose มา แล้วจะวาร์ปเรากลับไปที่บาร์ที่เราเจอเขา (สรุปไม่มีอะไรเกิดขึ้น ใครเสียตังค์เสียฟรี โห...แสบจริง)

** คฑา Sanguine Rose แปลตรงๆเลยว่า กุหลาบสีแดงเข้ม

** ชื่อของคุณ Sam แบบเต็ม คือคำว่า Sanguine แบบออกเสียงยืดๆ (แซงก์กวิน = แซม กูเวน)

** ถ้าเราอัพ perk ของ Conjuration ที่ชื่อ Elemental Potency คฑา Sanguine Rose จะติดบั๊ก และจะใช้เรียกพวก Dremora ไม่ได้อีก

** คุณแซมของเราอยู่ไม่เป็นที่ เขาจะอยู่ในบาร์เหล้าบาร์แรกที่เราเข้าไปหลังเลเวลถึง 14 ค่ะ

 

 

Riverwood

ชื่อเควส NPC ที่ให้ รายละเอียดเควส
The Golden Claw Lucan Valerius
หลังคุยกับ Lucan รับเควส ให้เดินทางไปที่ Bleak Falls Barrow แล้วหาตัวโจร Arvel the Swift ให้เจอ ซึ่งจะเจออยู่หน้าแมงมุมยักษ์ ให้สู้แมงมุมให้ชนะ จากนั้นไปตัดใยให้ Arvel หลุด มันจะวิ่งหนี ซึ่งจะฆ่ามันหรือไม่ก็ได้ เพราะแม้เราตามไปช้า มันก็เจอ Draugr แถวนั้นตบม่องเท่งอยู่ดี ให้จัดการหยิบ Golden Claw จากศพมันมาซะ แล้วลุยดันเจี้ยนต่อ พอออกไปได้ค่อยเอากงเล็บไปให้ Lucan

 

 

 Froki's Shack

ชื่อเควส NPC ที่ให้ รายละเอียดเควส
Kyne's Sacred Trials Froki Whetted-Blade
Froki จะให้เราไปฆ่า Guardian ครั้งละ 3 ตัว โดยทุกครั้งที่ฆ่าครบให้กลับไปหา Froki (เปิดลูกศรเควสด้วย มันจะบอกว่าอยู่ที่ไหนบ้าง)
 
รอบแรก:
  • Guardian Mudcrab
  • Guardian Skeever
  • Guardian Wolf
 
รอบสอง:
  • Guardian Bear
  • Guardian Mammoth
  • Guardian Saber Cat
 
รอบสาม:
  • Guardian Troll
 
กลับไปคุยกับ Froki เป็นครั้งสุดท้าย เขาจะให้ Kyne's Token มา

 

 

Lorius Farm

ชื่อเควส NPC ที่ให้ รายละเอียดเควส
Delayed Burial Cicero
พอไปคุยกับ Cicero จะพบว่าเกวียนเขาล้อพัง เขาจะขอให้เราช่วยไปขอความช่วยเหลือจาก Vantas Loreius ที่ฟาร์มใกล้ๆ พอไปคุยกับ Vantus เขาจะบอกว่าเขาไม่อยากหาเหาใส่หัว เพราะโลงนั่นมันน่าสงสัยว่าจะขนอะไรไม่ชอบมาพากลมา ตอนนี้เราจะเลือกได้ว่าจะช่วย Cicero (กล่อมให้ Vantus ไปช่วยซ่อม) หรือ จะไปรายงานยามเรื่อง Cicero ซึ่งถ้าเราให้ Vantus ช่วยซ่อม Cicero จะให้เงินมากน้อยตามเลเวลเราตอบแทน แต่ถ้าไปรายงานยาม Vantus จะัเป็นฝ่ายขอบคุณที่กำจัดตัวปัญหาให้แทน
 
** ถ้าเราไม่ช่วย Cicero ต่อมาพอเรามาที่ฟาร์มหลังเข้า Dark Brotherhood แล้ว จะเจอ Vantus เป็นศพแทน สาเหตุก็คงไม่ต้องเดา...
** ต้องทำก่อนเริ่มเควส Innocence Lost ไม่งั้นจะไม่เจอเหตุการณ์นี้

 

 

Black Reach

ชื่อเควส NPC ที่ให้ รายละเอียดเควส
A Return to Your Roots -
ให้ไปที่ Black Reach (เข้าได้หลังเริ่มทำเควส Disverning the Transmundane (Daedric Quest) และ สามารถเข้าผ่าน Alfthand , Mzinchaleft หรือ Raldbthar ก็ได้ แต่หลังเข้ามาแล้วจะมีลิฟท์ขึ้นลงสายตรงจากโลกข้างบนเลย ไม่ต้องวิ่งทะลุดันเจี้ยน) แล้วไปที่ Siderion's Field Laboratory (จะอยู่ตรงข้ามประตูไป Alfthand Cathedral) เข้าไปแล้วอ่าน Journal ที่ศพนาย Siderion กอดอยู่ซะ จากนั้นวิ่งรอบ Black Reach เก็บต้น Crimson Nirnroot 30 ต้น (ฟังเสียงดีๆ ไอ้ต้นนี่เวลามันขึ้นมีจะมีเสียงวิ้งๆ แถมต้นนี้ไม่เหมือน Nirnroot ธรรมดาเพราะไม่ได้ขึ้นใกล้น้ำอย่างเดียวด้วย) พอครบก็ให้ไปที่ Sarethi's Farm แล้วคุยกับ Avrusa Sarethi เขาจะให้หนังสือ The Nirnroot Missive มา พร้อมกับความสามารถ Siderion's Serendipity

 

 

หมดแล้วนะคะ เควสทั่วไป นอกจากนี้ก็ไม่มีอะไรนักยกเว้นเควสที่เป็น Daedric Quest (ส่วน Dungeon Quest พูดไปก่อนแล้ว พร้อมๆกับ Misc. Quest นอกเมือง)

 

ครบแล้ว~ เควสทุกเควสในสกายริม บทสรุปส่วนเควสเสร็จสมบูรณ์ 100%

 
แต่ตอนนี้ขอหลบไปสลบเหมือดอีกรอบนะคะ เอนทรี่นี้เผาพลังงานน้อยกว่าเอนทรี่ก่อน แต่ก็ยังหนักอยู่ดีแหละ