8/21/2566

[Skyrim] ว่าด้วย The Eight (Nine) Divines และ Divine Quests

 
เอนทรี่นี้เป็นส่วนหนึ่งของเพจ
 
 
หากจะเอาไปลงที่อื่น กรุณาใส่ credit นะคะ ถึงเราจะทำด้วยใจรักก็เหอะ...
 
 

ว่าด้วยเทพ Divines และ Divine Quests

ในทวีป Tamriel จะมีเทพอยู่ 8 องค์ที่ได้รับการขนานนามเป็นเทพศักสิทธิ์ได้แก่ Akatosh, Arkay, Dibella, Julianos, Kynereth, Mara, Stendarr, และ Zenithar แต่ต่อมาเพิ่มมาเป็น 9 เนื่องจากเพิ่ม Talos เข้าไป... แต่เนื่องจาก Talos นั้นเป็นคนมาก่อน (และคงจะตำนานไม่เก่าพอ) พวก Thalmor ซึ่งเป็น High Elf เลยไม่ยอมรับ และ บังคับใครก็ตามใต้อาณัติให้เลิกบูชา Talos ด้วยดังที่เห็นในภาค Skyrim นี่เอง

 

ในตอนนี้ Divine Quest มีแค่ 3 คาดว่าคงกั๊กเอาไว้ปล่อยพร้อมแพทช์ใหญ่ หรือไม่ก็มีแค่นี้แหละ...

 

 

1. Akatosh - เทพต้นกำเนิดทุกสิ่ง และ บิดาแห่งมังกรทั้งมวล

อคาทอช คือ เทพหัวหน้าของเทพศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 8 (9) และ เป็นมังกร... บ่อยครั้งที่จะถูกเรียกว่า เทพมังกรแห่งกาลเวลา (Dragon God of Time) ว่ากันว่าเทพอื่นๆอย่าง Aedra เองก็กำเนิดมาจากอคาทอช และ อคาทอช คือ ผู้มอบโลหิตมังกร ให้แก่ จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิ Cyrodil

หลักฐานแห่งโลหิตแห่งอคาทอชนั้นได้ถูกแสดงให้ประจักษ์อย่างชัดเจนในเวลา 200 ปีก่อนยุคสมัยของภาค Skyrim (ช่วงเวลาของภาค Oblivion) เมื่อ Martin Septim รัชทายาทที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของจักรพรรดิ Uriel Septim VII ที่ถูกลอบสังหารไปแล้ว ได้ใช้เครื่องราง Amulet of Kings กลายร่างเป็นอคาทอชอวตาร และ ปราบเทพปิศาจ Mehrunes Dagon ได้สำเร็จ แต่นั่นก็คืออวสานจักรพรรดิสายเลือดมังกรองค์สุดท้ายแห่งอาณาจักร Cyrodil ด้วยเช่นกัน เมื่อร่างของ Martin Septim หลังปราบเทพปิศาจได้กลายเป็นรูปปั้นอคาทอชไป และปัจจุบันถูกประดิษฐานไว้ที่ Temple of the One ในอาณาจักร Cyrodil

**ช้ำใจ แต่ต้องยอมรับ เพราะลูกคนโตสุดของ อคาทอช คือ Alduin (อัลดุอิน) เจ้านี่เลยกร่างสุดๆเพราะงี้ละมั้ง

 

 

2. Arkay - เทพแห่งความเป็นและความตาย

อาร์เคย์ทำหน้าที่เป็นเทพในพิธีศพ และ มีที่มาอยู่ 2 ตำนานด้วยกัน

ตำนานแรก อาร์เคย์คือ คนขายของธรรมดาที่มีความใฝ่รู้อย่างแรงกล้า จนกระทั่งวันนึงเขาไปเจอหนังสือที่เขียนด้วยอักษรประหลาดเข้า และใช้เวลาหลายปีในการพยายามถอดความโดยไม่สนอะไรรอบข้าง จนกระทั่งรู้ว่าหนังสือนั้นเกี่ยวกับเรื่องความเป็นและความตาย แต่ชีวิตของเขาก็ใกล้สิ้นสุดเต็มทีเพราะโรคภัยที่กัดกร่อนตลอดช่วงที่เขาไม่สนรอบข้าง อาร์เคย์ตัดสินใจสวดอ้อนวอนเทพมาร่าซึ่งเป็นที่พึ่งสุดท้าย โดยขอเวลาอยู่ต่ออีกหน่อยเพื่อถอดความหนังสือให้จบ มาร่าจึงให้ตัวเลือกอาร์เคย์ 2 ทาง คือ ตายซะเดี๋ยวนั้น หรือ กลายเป็นเทพผู้ทำหน้าที่รักษาสมดุลของชีวิตและความตายของจักรวาล ซึ่งคงไม่ต้องบอกว่าอาร์เคย์เลือกทางไหน

อีกตำนานเล่าว่า อาร์เคย์ เป็นหนึ่งในวิญญาณแรกๆ ที่เกิดขึ้นหลังการเริ่มต้นของกาลเวลา เป็นเทพที่กำเนิดจากอคาทอช

 

 

3. Dibella - เทพีแห่งความสวยและความงาม

ดิเบลล่า คือเทพแห่งความสวยงาม มีลัทธิย่อยนับสิบที่บูชาดิเบลล่า บ้างก็เน้นไปทางศิลปะ บ้างก็ไปทางสตรีนิยม และ บ้างเน้นไปทางกามด้วย (หากใครทำเควสย่อยของ Svana Far-Shield หลานของ Haelga ในเมือง Riften คงจะพอรู้แล้วว่าเจ๊ Haelga เป็นลัทธิไหน)

ในวิหารแห่งดิเบลล่าจะต้องมีหญิงพยากรณ์อยู่ 1 คนเสมอ และ นั่นเป็นสิ่งที่เราต้องช่วยใน Divine Quest ของเทพีดิเบลล่า

Divine Quest: "The Heart of Dibella"

ให้ไปที่เมือง Markarth คุยกับขอทาน Degiane เขาจะพูดถึงสมบัติที่เขาคาดอยู่อยู่ในวิหารเทพดิเบลล่า ให้เราไปที่วิหาร แล้วพอเข้าไปจะเจอ นักบวชหญิงชื่อ Senna เขาจะบอกว่า นักบวชคนอื่นกำลังอยู่ระหว่างประชุม และห้ามรบกวนเด็ดขาด แต่ธุระของเรามันอยู่ข้างใน เพราะงั้นจะสะเดาะกลอนประตูเอง หรือ จะตบ(ล้วงกระเป๋า) เอากุญแจจาก Senna ก็ได้ พอเข้าไปแล้วให้จงใจถูกจับได้ หัวหน้านักบวชที่ชื่อ Hamal จะมาคุยกับเรา ให้เลือกช่วย Hamal หา Sibyl (หญิงพยากรณ์) คนใหม่ เสร็จแล้วให้เดินทางไป Karthwasten แล้วไปหา Enmon เขาจะขอให้ช่วยลูกสาวของเขาชื่อ Fjotra ที่ถูกพวก Forsworn ลักพาตัวไป จากนั้นให้เราเดินทางไปที่ Broken Tower Redoubt ให้ลุยดันเจี้ยนเข้าไปหา ฆ่าทุกอย่างที่ขวางหน้า พอเราไปถึงกรงที่ขัง Fjotra คุยเสร็จ ให้เดินทางกลับไปที่วิหาร Temple of Dibella แล้วคุยกับ Hamal เขาจะบอกให้เราวางมือบนแท่นบูชา (สำรวจ ว่างั้น) แล้วเราจะได้พลังพิเศษ "Agent of Dibella" ที่ทำให้โจมตีเพศตรงข้ามได้แรงขึ้น 10% (มีผลตลอด)

** สามารถตบรูปปั้นมาแล้วเอาไปขาย Degiane โดยไม่ถูกจับได้ แล้วเข้าไปอีกทีแล้วจงใจโดนจับได้เพื่อทำเควสก็ได้ (ขอบคุณคุณ HorrorDay ที่ช่วยยืนยันค่ะ)

 

 

4. Julianos - เทพแห่งเวทมนตร์และความฉลาดเฉลียว

จูเลียนอสคือเทพแห่งวรรณคดี กฎหมาย ประวัติศาสตร์ และ การโต้เถียง ซึ่งสภานักบวชที่ก่อตั้งโดยจักรพรรดิ Tiber Septim และ อุทิศแด่เทพจูเลียนอส คือ ผู้ดูแล และ จัดเก็บ Elder Scrolls

 

 

5. Kynereth - เทพีแห่งห้วงอากาศ

เทพีคิเนเรธ หรือ ที่ชาวนอร์ดเรียกว่า ไคน์ คือเทพีแห่งสรวงสวรรค์ สายลม ธาตุต่างๆ วิญญาณสายลมที่มิอาจมองเห็นได้ด้วยสายตา และเป็นเทพีคุ้มครองชาวเรือ และ นักเดินทางทั้งหลาย บ่อยครั้งที่เทพีคิเนเรธเกี่ยวโยงกับฤกษ์ดี และ โชคลาภในชีวิตด้วย

ในสกายริม เทพีคิเนเรธ คือ ภรรยาของเทพ Shor (ซึ่งปัจจุบันตายไปแล้ว อยู่ใน Sovngarde) และเป็นจิตวิญญาณแห่งท้องฟ้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ว่ากันว่าสายฝน คือ น้ำตาของเทพีคิเนเรธที่หลั่งให้แก่พระสวามีผู้ล่วงลับ

Divine Quest: "The Blessings of Nature"

ให้ไปคุยกับ Danica Pure-Spring ที่วิหาร Kynereth ในเมือง Whiterun แล้วถามเรื่องต้นไม้กลางเมือง (ซึ่งตอนนี้เฉา และกำลังจะตาย) Danica จะขอให้เราช่วยเขาฟื้นฟูต้นไม้นี้ หลังคุยเสร็จจะมีมาร์กเกอร์สถานที่ Orphan Rock ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของ Helgen ให้เดินทางไปที่นั่นแล้วจัดการศัตรูซะ แล้วค้นศพ Hagraven ตัวหัวหน้า หยิบมีด Nettlebane มา จากนั้นกลับไปคุยกับ Danica เขาจะบอกให้เราเดินทางไปที่ Eldergleam Sanctuary (อยู่ทางใต้ของเมือง Windhelm ทางตะวันออกเฉียงเหนือของ Atronach Stone) ซึ่งตอนนี้เราอาจจะมีนักบวชชื่อ Maurice ตามมาด้วยถ้าเขายืนฟังอยู่และขอมาด้วย

พอไปถึง Eldergleam Sanctuary ให้เราเดินเข้าไปข้างใน เดินไปที่ต้นไม้ใหญ่ข้างใน (ต้นแม่ของต้นที่ Whiterun) พอเดินขึ้นตามทางไปจะพบว่ารากไม้ขวางทาง ให้ใส่ Nettlebane แล้วฟันรากไม้ มันจะยกรากหลบทางให้ ตอนนี้จะมี 2 ทางที่เป็นไปได้

  • ถ้า Maurice อยู่ เขาจะโมโหที่เราไปทำร้ายต้นไม้ แล้วจะให้ตัวเลือกเรา ถ้าเราตกลงเขาจะสวดมนต์ แล้วเราจะได้ต้นอ่อนของต้น Eldergleam มา แล้ว Maurice จะอยู่ที่นั่นต่อ ส่วนเราก็กลับไปหา Danica
  • ถ้าเราไปโดยไม่มี Maurice / Maurice ม่องเท่งระหว่างทาง / หรือเราปฏิเสธข้อเสนอของ Maurice ให้ฟันรากเปิดทางขึ้นไป พอขึ้นไปถึงตัวต้น ให้เลือกเก็บน้ำเลี้ยงมาซะ จากนั้นก็สู้กับพวก Spriggan ที่ออกมาอาละวาดเพราะเราไปเล่นงานต้นไม้ (คนแถวนั้นโดนลูกหลงตาย แต่ช่วยไม่ได้)

พอเรากลับไปหา Danica เขาจะยินดีสอนเวทย์สาย Restoration ให้เรา (Danica เป็น Trainer ระดับ Master)

 

 

6. Mara - เทพีแห่งความรัก

เทพีมาร่า เป็นเทพีที่บูชากันอย่างกว้างขวางที่สุด แทบจะพูดได้ว่าบูชากันทั่วทุกหนแห่ง มาร่าเป็นเทพีแห่งความรัก ผู้รับใช้ประจำตัวของเทพีคิเนเรธ  เป็นผู้อุปถัมป์ผืนดินอันอุดมสมบูรณ์ และเป็นต้นกำเนิดความเข้าใจกันและความเห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์

Divine Quest: "The Book of Love"

ให้ไปที่ Temple of Mara ในเมือง Riften แล้วคุยกับ Dinya Balu เขาจะให้เราออกไปช่วยเหลือคู่รักที่ท่าทางจะสมหวังได้ยากในหมู่บ้าน Ivarstead ให้เราเดินทางไปที่นั่นแล้วคุยกับ Fastred เขาจะบอกให้เราช่วยคุยกับพ่อแม่ของเธอทีเพราะพ่อแม่ไม่ชอบแฟนเธอ ให้ไปคุยกับ Boti แล้วก็ Jolftir จากนั้นเราจะต้องเลือกว่าจะไปคุยกับ Klimmek หรือ Bassianus Axius ซึ่งจะแฮปปี้เอนดิ้งทั้งคู่ (แต่ถ้าเราเลือก Bassianus เขาจะพา Fastred ย้ายไปเมือง Riften) จากนั้นให้กลับไปหา Dinya Balu

Dinya จะให้งานอีกงานเรามาทำ ให้เดินทางไปเมือง Markarth แล้วคุยกับ Calcelmo เขาจะบอกว่าเขาหลงรัก Faleen องครักษ์ของ Jarl Igmund (ถ้าไปคุยกับ Faleen จะพบว่าเจ๊ไม่สน Calcelmo เลย) ให้เราไปหา Yngvar the Singer แล้วยอมเสียเงิน 200 ให้เขาช่วยแต่งกลอนจีบให้ จากนั้นเอากลอนไปส่งให้ Faleen ซึ่งเขาจะแปลกใจ แล้วจะเขียนจดหมายตอบกลับให้ ให้เอาไปให้ Calcelmo แล้ว Calcelmo จะวิ่งจู๊ดไปคุยกับ Faleen (แฮปปี้เอนดิ้ง) ส่วนเราก็กลับไปหา Dinya อีกรอบ

ครั้งนี้ Dinya จะให้เราช่วยอีกงาน ให้เดินทางไปที่ Gjukar's Monument จะเจอผีชื่อ Ruki ให้คุยกับเขา จะพบว่าเขาพยายามหาสามีอยู่ (แถมไม่รู้ว่าตัวเองตายแล้วด้วย) พอคุยเสร็จให้เปิดมาร์กเกอร์แล้วไปที่นั่น จะเจอผี Fenrig ที่เป็นสามีของ Ruki คุย แล้วเดินทางกลับไปที่ Gjukar's Monument แล้วยืนดูเหตุการณ์ (แฮปปี้เอนดิ้ง) แล้วกลับไปหา Dinya ซึ่งจะจบเควส แล้วเราจะได้พลังพิเศษ Agent of Mara ที่ทำให้มีความต้านทานเวทมนตร์เพิ่มขึ้น 15% (มีผลตลอด)

** ถ้าตอนเราทำเควสนี้ ฝ่าย Stormcloak ครอง Markarth อยู่ จะได้เห็น Calcelmo วิ่งตลอดทางจาก Markarth ไป Solitude เพื่อความรัก(ต่างวัย)เลยทีเดียว

 

 

7. Stendarr - เทพแห่งความเมตตาปราณี

สเต็นดาร์ เป็นเทพอุปถัมป์ของ Imperial Legions และเป็นเทพแห่งความเห็นอกเห็นใจ และบางครั้งเป็นเทพแห่งการปกครองโดยถูกต้อง และ เทพแห่งการระงับด้วยขันติ เทพสเต็นดาร์เป็นแรงบันดาลใจของการผู้ปกครองและระบบตุลาการด้วย

** Vigilants of Stendarr คือกลุ่มสาวกของ Stendarr ที่ถือว่าการคุ้มครองคนปกติจากภูต ผี ปิศาจทุกชนิด (เทพ Daedric ก็นับ) เป็นหน้าที่ของตัวเอง บางครั้งจะเดินสวนในสกายริมอยู่ ถ้าเราติดเชื้อแวมฯแต่ยังไม่เป็นแวมฯ เราขอให้เขาช่วยรักษาก็ได้

 

 

8. Zenithar - เทพแห่งการงานและการค้า

เซนิธาร์ เป็นเทพแห่งการงานและการค้า เกี่ยวดองกับความแรงงาน การสื่อสาร การค้า และ ความมั่งคั่ง ต้นกำเนิดและที่มาของเทพเซนิธาร์เป็นปริศนา แม้ผู้บูชาส่วนใหญ่จะบอกว่า บูชา เซนิธาร์มีแต่ได้กับได้ แต่อย่างไรก็ดี นักบวชของเซนิธาร์กล่าวไว้ว่า สันติ และ ความมั่งคั่งจะมาด้วยการทำงานที่ซื่อสัตย์และเอาจริงเอาจังอยู่ดี

 

 

9. Talos

ทาลอส คือ อดีตจักรพรรดิ Tiber Septem ผู้เป็นที่รู้ในจักนามอื่นด้วยเช่น Ysmir หรือ General Talos ผู้ก่อตั้งจักรวรรดิ

ทาลอสเกิดที่ Atmora และเติบโตในสกายริม ซึ่งเขาเรียนศาสตร์แห่งการใช้เสียง (Way of the Voice) รวมถึงกลยุทธการศึกที่นี่ แต่หลังทาลอสอายุ 20 เขานำทัพยึด Old Hrol'dan คืนจากนักเวทย์จาก High Rock (พวกเบรตัน) และเหล่า Greybeard ก็พูดขึ้น ส่งผลให้ท้องฟ้าและแผ่นดินสะเทือนไปทั่ว ระหว่างที่ผู้คนต่างอพยพเผ่นหนี ทาลอสกลับเดินทางผ่านเส้นทางจาริก 7000 ขั้นขึ้นไปหาเหล่าเกรย์เบียร์ด  ซึ่งเหล่าเกรย์เบียร์ดได้พยากรณ์ว่า ทาลอสจะได้เป็นจักรพรรดิ และให้เดินทางไปทางใต้เพื่อการนั้น

ทาลอสเข้าเป็นแม่ทัพแห่ง Colovian Estates ภายใต้การนำของราชา Cuhlecain และต่อสู้เรื่อยมา แต่ต่อมาในศึกที่ Sancre Tor ซึ่งต้องสู้กับกองทัพผสมของสกายริมกับไฮร็อค กองทัพสกายริมผันมาเข้าพวกทันทีที่เห็นทาลอสใช้ธู'ม เพราะเชื่อว่าทาลอสเป็นคนสกายริมอย่างแท้จริง และ เป็นผู้ที่ควรครองจักรวรรดิของมนุษย์ แต่ทัพไฮร็อคยังคงต่อสู้ และสังหารราชา Cuhlecain และเกือบฆ่าทาลอสได้หลังจากปาดคอทาลอสไปแล้ว แม้ทาลอสไม่สามารถตะโกนได้อีก แต่เขายังพูดได้ด้วยเสียงแทบจะกระซิบ เขาได้รวม Cyrodil เป็นปึกแผ่น และ ปราบดาภิเษกตัวเองขึ้นเป็นจักรพรรดิ Tiber Septem ในยุคสมัยที่ 2 ปี 854 (2E 854) โดยมีอีกสมญานามว่า Ysmir, the Dragon of the North (ยิสเมียร์ มังกรเหนือ) และ ปกครอง Cyrodil อยู่ 81 ปี จนกระทั่งสิ้นชีวิตใน ยุคสมัยที่ 3 ปี 38 (3E 38) ถือเป็นจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลคนนึง

ทาลอสมีลูก 1 คนที่ไม่ทราบชื่อ ซึ่งมีลูกอีกคนคือ Pelagius (=หลานของ ทาลอส) และขึ้นปกครองต่อเป็นจักรพรรดิ Pelagius Septim แต่ปกครองได้ 3 ปีก็โดน Dark Brotherhood ลอบสังหาร แต่มีข่าวลือว่า ทาลอสมีความสัมพันธ์กับ Barenziah ที่กำลังจะเป็นราชินีของ Morrowind แต่ให้ทำแท้งเสียเพราะไม่อยากให้ลูก(ชู้)มาเบียดพื้นที่สิทธิ์ปกครองจักรวรรดิของลูกแท้ๆ

** ในความคิดส่วนตัว เจ้าของบล็อกว่ามามองแบบนี้ Thalmor ก็มีเหตุผลอยู่หรอกนะ จู่ๆจะให้กราบมนุษย์เดินดินธรรมดา แค่รบเก่งตะโกนได้ (แต่ดันไม่รู้ว่ามีสายเลือดเทพมังกรอคาทอช ถ้ารู้อาจจะกราบหรือเปล่า?) แต่มาห้ามเผ่าอื่นไม่ให้บูชาความเชื่อของตัวเองมันก็เกินไป

** คำอุทาน By Ysmir! มาจากชื่อของเขานี่แล...

** เกราะของทาลอสที่ใส่รบที่สมรภูมิ Sancre Tor ที่โดนปาดคอจนเสียงหาย ผ่านไปเกือบ 400 ปี ยังเอามาใช้ได้เหมือนใหม่ แถมได้เลือดเอาไปใช้ทำพิธีกรรมอีกต่างหาก... (จากเนื้อเรื่องภาค Oblivion)

 

เอนทรี่ว่าด้วยเทพศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 8 (9) จบเพียงเท่านี้ค่ะ ขอบคุณที่แวะมาอ่านนะคะ

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น