8/11/2566

[Skyrim] บทสรุป Dawnguard Story Quests

 
เอนทรี่นี้เป็นส่วนหนึ่งของเพจ
 
 
หากจะเอาไปลงที่อื่น กรุณาใส่ credit นะคะ ถึงเราจะทำด้วยใจรักก็เหอะ...
 
 
บทสรุป Dawnguard Story Quests  
 

ขออภัยในความล่าช้า เนื่องจากเจ้าของบล็อกไม่อยู่ในช่วงที่ Dawnguard ออกมาพอดี การทำบทสรุปเลยล่าช้าไปด้วย

เควสสาย Dawnguard จะเป็นเนื้อเรื่องของกลุ่มนักล่าแวมไพร์ Dawnguard และ แวมไพร์ที่สังกัด Volkihar Clan การเลือกฝั่งจะทำได้ตอนท้ายเควส Bloodline นะคะ ตอนแรกจะต้องเข้าฝั่ง Dawnguard หมดค่ะ

 

การเริ่มเควสสายนี้จะเริ่มได้จาก...

  • ข่าวลือที่จะมาจากการคุยกับยามหลังเลเวลตัวเราเกิน 10
  • ออร์คชื่อ Durak ที่จะเดินมาคุยกับเราพร้อมชวนให้เราเข้าร่วม
  • เดินไปเจอนอร์ดชายชื่อ Agmaer ซึ่งจะอยู่ใกล้ๆ Fort Dawnguard อยู่แล้ว เขาจะคุยกับเรา แล้วตามเรามาเพราะไม่กล้าเดินเข้า Fort Dawnguard คนเดียว แต่ถ้าเราไปถึงบันไดแล้วโอ้เอ้ ไม่เดินเข้าป้อม เขาจะวิ่งนำเราไปเลย (อ้าว)

 

เควสสาย Dawnguard แม้จะแบ่งเป็นสายนักล่าแวมฯ กับ สายแวมฯเอง แต่ยังไงเควสมันก็จะมัดรวมกันนะคะ เราจะใส่ลงนี่ทีเดียวเลย ไม่แยกแต่แบ่งด้วยสีแทน (น้ำเงิน = Dawnguard , แดง = แวมไพร์ ส่วน ม่วงคือ เควสที่ทั้งสองฝ่ายต้องผ่านแบบเดียวกัน)

 

 

0. Dawnguard

หลังได้ข่าวให้เดินทางไปที่ Fort Dawnguard ผ่านทาง Dayspring Canyon ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมือง Riften หลังเข้าป้ิอม เราอาจจะเจอ Durak กำลังซ้อมยิงหน้าไม้ Crossbow อยู่ ถ้าคุยกับเขาแล้วถามเรื่องอาวุธที่ใช้ เขาจะให้หน้าไม้ของเขามา พร้อมลูก Steel Bolts 45 ลูก ให้เดินเข้าไปข้างใน จะเจอ Isran ที่เป็นหัวหน้าของ Dawnguard คุยกับ Toran ที่เป็นนักบวชของ Vigilants of Stendarr อยู่ หลังเขาคุยเสร็จก็ให้คุยกับ Isran เสร็จแล้ว Isran จะบอกให้ Toran ช่วยบอกข้อมูลเรื่อง Dimhollow Crypt หลังคุยเสร็จ ถ้าเรายังไม่ได้หน้าไม้ Crossbow มาจาก Durak ทาง Isran ก็จะให้หน้าไม้ พร้อมลูก 45 นัดมาเหมือนกัน ตอนนี้จะจบเควส Dawnguard และ เริ่มเควส Awakening

** หลังเริ่มเควสนี้ Hell of Vigilants จะถูกทำลายเละนะคะ และ Carcette ที่เป็นหัวหน้าก็จะม่องเท่งด้วย ใครฝึกสกิลค้างอยู่ก็ระวังด้วย

** เราแทนเควส Dawnguard ด้วย หมายเลข 0 เพราะในระบบโค้ดของเกมมันเป็นแค่ Misc Objective นะคะ และเควสที่นับเป็น 1 คือ Awakening เราเลยนับแบบนั้นค่ะ

 

 

1. Awakening

หลังเควสเริ่ม ให้คุยกับ Isran แล้วเดินทางไปที่ Dimhollow Crypt ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมือง Dawnstar พอเข้าไปจะเจอประตูปิด ซึ่งสวิทช์จะเป็นโซ่อยู่บนฝาในห้องข้างๆที่ต้องปีนบันไดไปนิดใน ในห้องจะที่มีหีบกับไห พอเปิดประตูได้ก็ไปต่อ เข้าไปจะเจอประตูปิดอีก แต่สวิทช์อยู่ข้างประตู ก็สับแล้วไปต่อ พอไปถึงห้องที่ Draugr ตีกะแวมฯอยู่ จะเจอประตูปิดอีกรอบ จะมีห่วงโซ่อยู่ข้างประตู ก็ดึงสวิทช์แล้วไปต่อ เข้าไปเรื่อยๆ จะเจอห้องที่แวมฯตีกะแมงมุม จะปล่อยมันฟัดกันตายไปข้างแล้วค่อยเปิดประตูก็ดี จากนั้นก็เดินเข้าประตูเข้าไปใน Dimhollow Cavern แล้วจะเจอเหตุการณ์แวมฯ Lokil เชือด(ประหาร) Vigilant Adalvald หลังประหารเสร็จ Lokil จะมาสู้กับเรา พอสู้ชนะให้เดินไปกดปุ่มตรงกลาง(ปุ่มซาดิสท์ซะด้วย) จะมีเอฟเฟคสีม่วงๆขึ้นมา จากนั้นให้กลับหลังหันเดินไปสำรวจคบไฟตั้งพื้น Brazier ใกล้ๆสะพานที่เราเดินมา จัดการผลักมันไปข้างหน้าตามเส้นสีม่วงบนพื้น ตอนนี้ก็เดินไปตามเส้นม่วง เดินไปชน Brazier อีกอันก็กดผลักอีก พอเดินตามเส้นสีม่วง รอบนี้เราจะเห็นว่าเจ้า Brazier มันไม่อยู่ให้เชื่อม ก็เดินไปด้านหลังคบไฟ แล้วผลักมันมาทับเส้นม่วงเพื่อเชื่อมต่อ ทำแบบนี้จนครบวงพอครบก็จะมีเอฟเฟคขึ้นมา แล้วเสาหินกลางห้องก็จะเลื่อนขึ้นมาจากพื้น เดินไปกดสำรวจ แล้วเสาก็จะเปิดแล้วจะมีผู้หญิง (พร้อม Elder Scroll) ออกมา พอคุยแล้วเขาจะบอกว่าเขาคือ Serana ลูกสาวของแวมไพร์ทรงพลังคนนึง คุยกับเขาเรื่อยๆ แล้วเขาจะขอให้พอเขาไปส่งที่ปราสาทแล้วเควส Awakening จะจบ เริ่มเควส Bloodline

** มีบั๊กกดปุ่มกลางห้องแล้วเอฟเฟคสีม่วงไม่โผล่ เกมค้างแบบนั้น ตอนนี้ยังไม่ทราบวิธีแก้นะคะ เซฟก่อนจะกดด้วย

** บางทีเข้า Dimhollow Cavern แล้วประตูไม่เปิด อันนี้ก็ยังไม่ทราบวิธีแก้ค่ะ

 

 

2. Bloodline

คุยเสร็จ ก็ไปต่อพอเดินข้ามไปจะเจอพวกการ์กอยล์มาโจมตี จัดการให้เรียบไปต่อ ระหว่างทางห้องใหญ่(มากๆ) ก่อนถึงทางออกจะมีกำแพงให้เรียน Shout "Drain Vitality" อยู่มุมห้อง เรียนเสร็จเดินออกจากดันเจี้ยนได้ แล้วไปต่อที่ Castle Volkihar ทางตะวันตกของเมือง Solitude ซึ่งสามารถเดินทางไปได้ไม่ยากจาก Northwatch Keep ซึ่งเราจะต้องเดินไปจนเจอท่าเรือ(ที่มีแค่เรือลำเดียว) ชื่อ Icewater Jetty แล้วขึ้นเรือไป

พอเราเดินจะเข้าปราสาท Serana จะคุยกับเรา แล้วยามจะเปิดประตูปล่อยเรากับ Serena เข้าไป พอเข้าไปจะเจอ Vingalmo แล้วเขาจะไปแจ้งคนอื่นๆว่า Serana กลับมาแล้ว แล้วเกมจะให้เราไปคุยกับ Lord Harkon คุยๆไปแล้ว เขาจะบอกว่าเขาจะมอบเลือดของเขาให้เรากลายเป็น Vampire Lord ได้ (แม้เราเป็นหมาป่าก็ไม่มีปัญหา เพราะพลังเลือดแวมฯลอร์ดมันคนละเรื่องกับ Sanguinare Vampiris ที่เป็นแค่โรค ถ้าเราเลือกรับเลือด เราจะกลายเป็นแวมฯลอร์ดทันที ไม่เป็นหมาอีกต่อไป) แต่ถ้าเราเลือกไม่เป็นแวมฯลอร์ด Harkon จะไว้ชีวิตเราครั้งนี้เพียงครั้งเดียว (หลังจากนี้เจอกันอีกเมื่อไหร่เอ็งตาย ว่างั้น...) ตอนนี้เราจะมีตัวเลือกตามระเบียบ ว่าจะอยู่กับ Dawnguard ต่อ (เลือก "I don't want to be a vampire. I refuse your gift.") หรือ จะเข้ากับแวมไพร์ (เลือก "I will accept your gift and become a vampire.")

 

เลือกไม่เป็นแวมฯ (เลือก "I don't want to be a vampire. I refuse your gift.")

ถ้าเลือกไม่เป็นแวมฯก็เดินออกจากปราสาทกลับป้อมไปได้เลย พอกลับไปถึงป้อม Fort Dawnguard จะพบว่าป้อมโดนโจมตีอยู่ ก็เข้าไปจัดการซะ แล้วคุยกับ Isran ก็จะจบเควส Bloodline และเริ่มเควส A New Order

 

เลือกเป็นแวมฯ (เลือก "I will accept your gift and become a vampire.")

ถ้าเราเลือกเป็นแวมฯ Harkon จะงับคอเรา แล้วพอเราฟื้นขึ้นมา เขาจะสอนเราใช้พลัง โดยเริ่มจากการแปลงร่าง ก็ให้เปิด Menu >> Magic >> Powers >> Vampire Lord แล้วกดใช้พลังตามปกติ เราจะแปลงร่าง แล้วเขาจะสอนต่อ ว่ามือขวาคือดูด HP ของศัตรู และ มือซ้ายใช้เวทย์ปลุกศัตรูที่ม่องให้ช่วยสู้ นอกจากนี้เรายังแปลงร่างเป็นฝูงค้างคาวบินไปสักพักแล้วกลับมาเป็นร่างแวมฯลอร์ดได้อีกด้วย ถ้าพลังเวทย์หมด บินไม่ได้ ก็ลงพื้นเดินสู้ได้ตามปกติ (ใช้กดแบบเดียวกับสลับโหมดปกติกับโหมดย่อง เวลาจะสลับ แต่ถ้าเราลงมาอยู่บนพื้น เราจะอ่อนแอลงเพราะใช้ Blood Magic ไม่ได้) แล้วเขาจะให้เราเปิดจอดู perk ของแวมฯลอร์ด ซึ่งจะต่างจากปกติเพราะเราต้องฆ่าศัตรูโดยใช้ Drain Life หรือ Power Attack ท่างับ มันถึงจะได้ perk หลังสอนเสร็จ ให้คุยกับ Harkon แล้วเขาจะให้เราไปคุยกับ Garan Marethi แล้วเควส Bloodline ก็จะจบ เริ่มเควส The Bloodstone Chalice

 

 

Faction Introduction Quest: A New Order / The Bloodstone Chalice


A New Order (Dawnguard)

หลังเริ่มเควส A New Order นาย Isran ก็จะส่งเราให้ไปช่วยรวบรวมเพื่อนๆเขามาที โดยเพื่อนๆเขาจะมี 2 คนคือ Gunmar กับ Sorine Jurard ซึ่งต้องไปตามมาทั้งคู่ สถานที่อยู่ของสองคนนี้อาจไม่แน่นอน เพราะงั้นให้ให้เปิด Quest Marker (วิธีเปิดอยู่ใน FAQ) แล้วตามลูกศรไป

  • Gunmar เขาจะให้เราไปฆ่าหมีที่กำหนด ฆ่าเสร็จกลับมาคุยก็เป็นอันผ่านส่วนนี้
  • Sorine จะขอ Dwemer Gyro (ได้จากการฆ่าพวกหุ่นทองๆในดันเจี้ยนดวาร์ฟทั้งหลาย) แต่ถ้าสกิล Speech สูงพอ เราอาจกล่อม Sorine ข้ามขั้นตอนการหาของไปได้เลย

หลังคุยเสร็จทั้งคู่ Isran จะเช็คว่าทุกคนไม่ใช่แวมฯ (ถ้าเราเป็นแวมฯ เราจะโดนไล่ไปรักษากะ Falion ที่ Morthal) หลังจากคุยเสร็จ เควส Prophet ของฝั่ง Dawnguard ก็จะเริ่ม

** อย่าฆ่าหมีก่อนคุยกับ Gunmar ไม่งั้นเขาจะไล่เราไปฆ่าหมีอยู่แบบนั้นแหละ ไม่เลิก

** ถ้า Gunmar / Sorine ติดอยู่หลังประตูตามมาไม่ได้ ให้ใช้คำสั่ง moveto player ช่วย โดยเปิดคอนโซล คลิกตัวคนที่จะวาร์ปมาหา แล้วพิมพ์ moveto player เอา

 

The Bloodstone Charlice (Vampire)

หลังเริ่มเควส The Bloodstone Charlice ให้เดินไปคุยกับ Garan Marethi แล้วตามเขาไป เขาจะให้เราเอาจอก Bloodstone Charlice ไปเติมน้ำที่ Redwater Spring ซึ่งอยู่ที่ Redwater Den พอไปถึงก็เปิดประตูลับเข้าไป จัดการ Doorman ซะ แล้วเข้าไปจัดการ Dealer หรือ Agent ก็ได้ หยิบกุญแจ Redwater Den Backroom Key จัดการเปิดประตูแล้วลุยดันเจี้ยนฝ่าเข้าไปเรื่อยๆ พอถึงส่วน Redwater Spring เข้าไปเรื่อยๆ (สำหรับประตูที่อยู่ชั้นบน สวิทช์จะอยู่ทางข้างๆที่มองฝาทะลุได้เหมือนหน้าต่างนะคะ ดึงซะแล้วก็เดินผ่านได้) เข้าไปตามทางเรื่อยๆ สู้กับ Veranus Vulpin หยิบกุญแจ Redwater Wellspring Key มา แล้วเปิดประตูเข้าไปต่อ เราจะเจอน้ำพุ แล้วเควสจะอัพเดทให้เราเติมน้ำลงจอก จัดการเติมซะ แล้วจะเจอแวมฯ 2 ตัวคือ Stalf กับ Salonia Caelia ที่จะเข้ามาเล่นงานเรา ก็จัดการซะ แล้วเติมเลือดแวมไพร์ลงไปด้วยตามเควสสั่ง (พอดีเลยไอ้ 2 หน่อ...) แล้วกลับไปที่ปราสาท คุยกับ Garan ก็จะจบเควส แล้ว Garan จะให้เราไปคุยกับ Harkon เพื่อทำเควส Prophet ของฝั่งแวมฯ

** บางคนกลับมาปราสาทแล้วเจอบั๊ก ทุกคนในปราสาทเป็นศัตรูหมดเลยโดยไม่รู้สาเหตุ ให้รอข้างนอก 1 วันในเกม กลับเข้าไปก็จะหาย

 

 

 

3. Prophet / Prophet

ให้เดินตาม Isran ไปเขาจะพาเราไปหา Serana ให้คุยซะ แล้วคุยกับ Isran อีกที จากนั้นคุยจนจบ จากนั้นเราจะต้องเดินทางตามหา Moth Priest นักบวชผู้อ่าน Elder Scroll ได้...  ซึ่ง Serana จะแนะนำเราไปที่ College of Winterhold ก็ให้ไปที่ห้องสมุด คุยกับ Urag ที่เป็นบรรณารักษ์ เขาจะบอกเรื่อง Moth Priest ที่หมู่บ้าน Dragon Bridge ก็ให้ตามไปที่นั่น คุยกับชาวบ้านหาเบาะแส ให้คุยกับชาวบ้านที่นามสกุล Lylvieve จะมีหัวข้อคุยเรื่องนี้ พอคุยเสร็จ (เราได้จาก Clinton Lylvieve แต่ไม่ทราบมีคนอื่นอีกไหม) เขาจะบอกให้เราไปตามถนนที่ไปทางทิศใต้ของหมู่บ้าน ให้ไปตามถนน แล้วจะพบว่ารถม้าของ Moth Priest ถูกโจมตี ให้ค้นศพอ่าน Vampire's Note แล้วเดินทางไปที่ Forebear's Holdout จัดการศัตรูให้เรียบ แล้วค้นศพของ Malkus ที่พื้น หยิบ Weystone Focus ออกมา แล้ววิ่งขึ้นไปข้างบน ปลดบาเรียซะ แล้วจะพบว่าคุณ Moth Priest (Dexion Evicus) ของเราโดนควบคุมซะงั้น ให้จัดการซัดให้หมอบซะ แล้วคุยให้จบ เราจะนัด Dexion ไปพบที่ป้อม เดินทางกลับไปป้อม แล้วคุยกับ Isran ตามด้วย Dexion เขาจะอ่าน Elder Scroll ฟังให้จบ แล้วเควสก็จะจบ และเริ่มเควส 3 เควสรวดคือ Chasing Echoes, Scroll Scouting และ Seeking Disclosure

** สำหรับคนที่เล่นเนื้อเรื่องหลักเลย Alduin's Bane มาแล้ว และยังเก็บ Elder Scroll ไว้กับตัว จะไม่เจอเควส Scroll Scouting นะคะ เพราะเกมถือว่าเรามีติดตัว

** สำหรับคนที่ใจร้อน เอา Elder Scroll ไปขายให้ Urag บรรณารักษ์ ประจำห้องสมุด จะเจอเควส Scroll Scouting ที่ให้เราไปซื้อคืนมาจาก Urag ซึ่งราคาจะเป็น 4000 แต่ถ้าเราเล่นจบเควสสาย College of Winterhold แล้ว ราคาจะเหลือ 2000 ค่ะ

** สำหรับคนที่ยังไม่ทันจะได้เล่นเนื้อเรื่องหลักถึง Alduin's Bane ให้ไปทำเควส Discerning the Transmundane ครึ่งแรก (อ่านในเอนทรี่ Daedric Quests หรือ บทสรุปเนื้อเรื่องหลักช่วงเควส Elder Knowledge ก็ได้) จนได้ Elder Scroll มาก็จะผ่านเควสนี้ค่ะ

 

ให้เดินตาม Harkon ไปฟัง Harkon ปราศรัย จากนั้นเราจะต้องออกเดินทางตามหา Moth Priest นักบวชผู้อ่าน Elder Scroll ได้... ซึ่งวิธีที่ง่ายที่สุดคือ คุยกับ Serana ถามเรื่องนี้ แล้วเขาจะแนะนำเราไปที่ College of Winterhold ก็ให้ไปที่ห้องสมุด คุยกับ Urag ที่เป็นบรรณารักษ์ เขาจะบอกเรื่อง Moth Priest ที่หมู่บ้าน Dragon Bridge ก็ให้ตามไปที่นั่น คุยกับชาวบ้านหาเบาะแส ให้คุยกับชาวบ้านที่นามสกุล Lylvieve จะมีหัวข้อคุยเรื่องนี้ พอคุยเสร็จ (เราได้จาก Clinton Lylvieve แต่ไม่ทราบมีคนอื่นอีกไหม) เขาจะบอกให้เราไปตามถนนที่ไปทางทิศใต้ของหมู่บ้าน ให้ไปตามถนน แล้วจะพบว่ารถม้าของ Moth Priest ถูกโจมตี ให้ค้นศพอ่าน Vampire's Note แล้วเดินทางไปที่ Forebear's Holdout จัดการศัตรูให้เรียบ แล้วค้นศพของ Malkus ที่พื้น หยิบ Weystone Focus ออกมา แล้ววิ่งขึ้นไปข้างบน ปลดบาเรียซะ จากนั้นสู้กับ Dexion Evicus ที่เป็น Moth Priest อยู่ข้างในบาเรีย ซัดให้มันหมอบ เควสจะอัพเดทให้เราใช้ Vampire Seduction ใส่มัน ก็ใช้ตามสั่ง จากนั้นกดจะคุย แล้วเลือก Feed งับคอมันให้มันกลายเป็นแวมฯซะ คุยกะมัน สั่งให้มันเดินทางไปปราสาท จากนั้นเดินทางกลับปราสาท คุยกับ Harkon แล้วหันไปสั่ง Dexion ที่ตอนนี้เป็นทาสเราไปแล้วให้อ่าน Elder Scroll ซะ ฟังให้จบ กลับไปคุยกับ Harkon แล้วเควส Prophet ก็จะจบ และเริ่มเควส 3 เควสรวดคือ Chasing Echoes, Scroll Scouting และ Seeking Disclosure

** สำหรับคนที่เล่นเนื้อเรื่องหลักเลย Alduin's Bane มาแล้ว และยังเก็บ Elder Scroll ไว้กับตัว จะไม่เจอเควส Scroll Scouting นะคะ เพราะเกมถือว่าเรามีติดตัว

** สำหรับคนที่ใจร้อน เอา Elder Scroll ไปขายให้ Urag บรรณารักษ์ ประจำห้องสมุด จะเจอเควส Scroll Scouting ที่ให้เราไปซื้อคืนมาจาก Urag ซึ่งราคาจะเป็น 4000 แต่ถ้าเราเล่นจบเควสสาย College of Winterhold แล้ว ราคาจะเหลือ 2000 ค่ะ

** สำหรับคนที่ยังไม่ทันจะได้เล่นเนื้อเรื่องหลักถึง Alduin's Bane ให้ไปทำเควส Discerning the Transmundane ครึ่งแรก (อ่านในเอนทรี่ Daedric Quests หรือ บทสรุปเนื้อเรื่องหลักช่วงเควส Elder Knowledge ก็ได้) จนได้ Elder Scroll มาก็จะผ่านเควสนี้ค่ะ

 

 

4. Chasing Echoes

หลังเควสเริ่ม เกมจะให้เราไปคุยกับ Serana ให้คุย แล้วเลือกตัวเลือกไปเรื่อยๆ แล้วจะลงเอยด้วยการต้องสำรวจปราสาท Castle Volkihar เอง ให้เดินออกมานอกตัวปราสาท Volkihar Keep ที่เราเคยเข้าไป แล้วเดินอ้อมข้างไปจะเจอศัตรู จัดการให้หมด แล้วเดินเข้าประตู Volkihar Undercroft ไป ดันเจี้ยนนี้ต้องหาสวิทช์ดีๆนิดนึง โดยสวิทช์แรกจะอยู่ในห้องที่ต้องอ้อมขึ้นบันไดไปนิดนึงทางขวา จัดการสับสวิทช์ให้สะพานลงมาแล้วไปต่อ จะพบว่าสะพานลงมาครึ่งเดียว ต้องไปสับอีกฝั่ง ให้เดินไปทางซ้าย หลบตุ้มห้อยนิดนึง เดินไปทางที่มีใยแมงมุม สับใยทิ้งซะ เข้าไปฆ่าแมงมุม สับสวิทช์ให้สะพานอีกครึ่งลงมา แล้วกลับไปข้ามสะพาน ไปต่อแล้วจะออกไปที่สวนกลาง Volkihar Courtyard พอออกมาที่สวนกลาง ให้รอ Serana เดินพูดสักพัก แล้วเราจะต้องแก้ปริศนาพระจันทร์เสี้ยวที่พื้น โดยเราต้องไปหาชิ้นที่หายไปดังนี้

  • Half Moon Crest - อยู่ด้านหลังหินในสระน้ำ
  • Full Moon Crest - อยู่ในสวนดอก Nightshade ติดกำแพง
  • Crescent Moon Crest - อยู่ชั้นสอง ข้างๆโต๊ะเก้าอี้ไม้


หยิบทั้ง 3 อันมาวาง (กดสำรวจมันวางเองอัตโนมัติ) พอวางเสร็จ กลไกจะทำงาน แล้วจะเปิดทางลับลงไปที่ Volkihar Ruins ให้เราไปต่อได้

เข้าไปแล้วดึงโซ่เปิดประตูลับ เข้าไปเรื่อยๆตามทาง  ศัตรูในนี้จะเยอะพอสมควร ระวังการ์กอยล์โหดนิดนึงด้วย สำหรับดันเจี้ยนนี้ ให้ปีนบันไดขึ้นไปเรื่อยๆ จะเป็นทางไปต่อเอง พอไปถึงห้องที่มีการ์กอยล์ 3 ตัว หลังฆ่าเสร็จ Serana จะพูดถึงทางลับ ให้เดินไปยืนหน้าเตาผิง แล้วสำรวจเชิงเทียนทางซ้ายที่ดับอยู่ เราจะสับสวิทช์เปิดประตูลับ ให้วิ่งมาตามทางต่อจนถึงห้องที่มีเทียนเป็นวงเหมือนวงเวทย์ รอ Serana พูดสักพัก เราจะต้องหาบันทึกของ Valerica ที่เป็นแม่ของ Serana ซึ่งบันทึกนี้จะอยู่บนชั้นหนังสืออันกลาง ชั้นบนสุด(สีแดง เห็นง่าย) หยิบเสร็จ เดินไปคุยกับ Serana แล้วเราจะต้องหาของ 3 ชิ้น ซึ่งทั้งหมดนี่อยู่ในชามใหญ่สีเงิน เด่นกว่าชาวบ้าน

  • Soul Gem Shards - อยู่ในชามสีเงิน ต้องขึ้นบันไดไปที่มุม Soul Gem
  • Finely Grounded Bone Meal - อยู่ในชามสีเงิน บนโต๊ะที่มีกะโหลกเยอะๆ ข้างๆ Alchemy Tab ทางซ้ายของมุมหนังสือที่เจอบันทึกของ Valerica
  • Purified Void Salts - อยู่ในชามสีเงินเหมือนกัน เนียนอยู่บนชั้นบน เกือบสุดทาง รวมกับกองๆไอเทมตระกูล Salt ทั้งหลาย


หลังได้มาแล้วก็ใส่มันลง Portal Vassel ซะ แล้วคุยกับ Serana จากนั้น Serana จะเปิดทางเข้า Soul Cairn ซึ่งตอนนี้ถ้าเราไม่ได้เป็นแวมไพร์ เราจะเสีย HP เรื่อยๆ ให้คุยกับ Serana เขาจะให้เราเลือกว่าจะกลายเป็นแวมฯลอร์ด หรือ จะยอมโดน Soul Trap นิดนึง ซึ่งมีผลให้ HP, Magicka, Stamina ลดลง 45 แต้ม ขณะอยู่ใน Soul Cairn หลังเลือกเสร็จก็เดินเข้าไปได้ หลังเข้าไปก็จะจบเควส Chasing Echoes และ เริ่มเควส Beyond Death

 

** สำหรับบั๊กใส่วัตถุดิบลงชาม Portal Vassel แล้วเจอไอเทมออกจากช่องเก็บของตามปกติแต่ดันไม่ลงชาม แถม Serana ก็ติดแหงกอยู่ขั้นที่บอกให้เราใส่วัตถุดิบลงชาม อันนี้ต้องแก้ด้วยสูตรใน PC เท่านั้น (setstage dlcvq04 90) ถ้าเป็นเครื่องอื่น โหลดสถานเดียวค่ะ

** บางทีตัวเราเข้า Soul Cairn ไม่ได้หลังเลือกโดน Soul Trap ให้ใส่สูตร set dlcvq04soultrapped 1 แล้วจะเข้าไปได้ค่ะ

 

 

5. Beyond Death

เข้ามาอย่าลืมเปิด Quest Marker แล้ววิ่งตามไปจนกระทั่งเจอ Valerica หลังจากนั้นจะมีบทสนทนา คุยไปเรื่อยๆจนจบ เราจะต้องไปฆ่าพวก Keeper ที่ปกป้องบาเรียอยู่ ให้วิ่งไปที่บ่อที่ลูกศรชี้แล้วเชือดซะ หลังฆ่าครบ 3 ก็กลับไปคุยกับ Valerica แล้วตาม Valerica เข้าไปใน Boneyard แล้วเราจะต้องสู้กับมังกรคุ้มกฎ(ต้องสาป) Durnehviir ชนะให้ได้ คุยกับ Valerica แล้วเดินตาม Valerica ไป รอให้หีบเปิด แล้วหยิบ Elder Scroll (Blood) ออกมา คุยกับ Valerica อีกครั้ง แล้วเดินกลับออกไปข้างนอก Boneyard เราจะเจอ Dunehviir อีกรอบ คุยให้เรียบร้อย แล้ว Durnehviir จะอนุญาตให้เราเรียกเขาได้ด้วย เพราะเราเป็นไม่กี่คนที่ทำหมอนี่ร่วง แล้วเราจะได้ Shout "Durnehviir" สำหรับเรียกเขามาช่วยสู้ได้ ตอนนี้เราก็เดินกลับออกไปข้างนอกได้ เควส Beyond Death ก็จะจบ

** อย่าฆ่าพวก Keeper ก่อนคุยกับ Valerica ไม่งั้นเกมจะบั๊กและไม่มีทางแก้เลยนอกจากโหลด

** ระหว่างทางวิ่ง จะเจอวิญญาณนิรนามมาขอให้เราช่วยม้า Arvak ของเขา อันนี้จะเป็น Misc. Quest ของ Dawnguard ที่ทำเสร็จจะได้ม้ากระดูกมาเรียกให้ขี่เล่นได้นะคะ รายละเอียดอ่านตรงนี้ค่ะ

** หลังจากนี้ ถ้าเราเรียก Durnehviir ข้างนอก Soul Cairn เขาจะสอน Shout "Soul Tear" ให้เราทีละคำ (เป็นเควสย่อยด้วย) พอเรียนครบก็จะจบเควส แต่ก็ยังเรียกได้นะ

 

 

Elder Scroll Sub-Quest: Seeking Disclosure

หิ้ว Elder Scroll ทั้งหมดไปให้ Dexion แล้วจะจบว่านาย Dexion เลินเล่อ จนไม่สามารถอ่าน Elder Scroll ได้อีก เราเลยต้องไปทำพิธีอ่านแทน แล้วเควส Seeking Disclosure จะจบ เริ่มเควส Unseen Visions

 

 

 

6. Unseen Visions

ตอนนี้เราจะต้องเดินทางไปที่ Ancestor Glade ซึ่งเดินทางไปยากนิดหน่อย (เจ้าของบล็อกใช้วิธีเดินไต่ข้างภูเขาไปจาก Ancient's Ascent แต่ทางเดินปกติก็คงมีเหมือนกัน) หลังไปถึงก็เข้าไปได้ เดินเข้าไปตามทาง หยิบมีดถากจากแท่น เดินไปสำรวจต้นไม้ที่มีลูกศรชี้ จากนั้นเดินไปรวบรวมฝูงมอธ 7 ฝูง (เดินไปหามันก็นับเอง) พอครบ 7 ฝูงให้เดินไปที่แสงกลางถ้ำ แล้วกดอ่าน Elder Scroll (Blood) แล้วคุยกับ Serana แล้วเควส Unseen Visions ก็จะจบ เริ่มเควส Touching the Sky

 

 

7. Touching the Sky

ตอนนี้เราจะต้องเดินทางไปที่ Darkfall Cave เข้าไปตามทางจนถึงสะพานที่ข้ามไปเจอทางตัน ตรงนี้ให้โดดลงน้ำ แล้วปล่อยโดนพัดไปเลย พอขึ้นมาได้ก็จัดการแมงมุมที่โดนพัดมาด้วยซะ ทางขวาของแผนที่ในอุโมงค์เล็กที่มีแมงมุมยักษ์จะมีหีบพร้อมโครงกระดูกอยู่เข้าไปเปิดก็ได้ เสร็จแล้วไปตามทางไปทางเหนือเพื่อไปต่อ เราจะเดินมาเจอแคมพ์กองไฟ พร้อมศพ Breton 1 ศพ ค้นศพจะเจอโน้ต อ่านซะก็ได้ ตรงแยกนี้ (หันหน้าเข้าหากองไฟ) ทางซ้ายเป็นทางกลับ ทางขวาเป็นทางไปต่อ ส่วนข้างหน้ามีประตูลับที่ยังเปิดไม่ได้ ให้ไปทางขวาตามทาง เราจะออกมาที่ห้องกว้างมีแอ่งน้ำบนพื้น ในห้องจะมีโทรล(ธรรมดา)ด้วย และตรงมุมขวาบนของห้องจะมีหีบ หยิบเสร็จไปต่อทางซ้าย แล้วเราจะเจอ อัศวินผู้พิทักษ์ (Knight-Paladin) Galebor ซึ่งเป็น Snow Elf คุยกับเขา แล้วเขาจะขอให้เราช่วย แลกกับธนูเทพ Auriel คุยแล้วเดินตามเขาไป เขาจะเปิดทางเข้าไปข้างในต่อ แล้วจะอธิบายขั้นตอน ซึ่งตอนนี้เราต้องทำตามขั้นตอนที่สืบกันมาแต่โบราณ(อีกแล้ว)ของเทพ Auriel

คุยเสร็จเดินเข้าไปกดสำรวจประตูเลือนๆข้างใน เราจะเข้ามาที่ Darkfall Passage ระวัง Chaurus กะ Falmer ระหว่างทางด้วย ไปตามทางเรื่อยๆ (ทางค่อนข้างตรง หลงยากพอสมควร แต่อาจมึนๆบ้างเพราะดันเจี้ยนใหญ่) พอไปถึงจุดที่ต้องดึงเชือกให้ดึงทางซ้าย (ขวาเป็นกับดักทั้งแถบ) แล้วทางลับจะเปิดให้ไปต่อได้ ไปตามทางต่อจนสุด เราจะเจอ Wayshrine of Illumination แล้วเควสจะอัพเดทให้เราเติมน้ำลงในขวด ให้เดินไปคุยกับผี (Prelate Sidanyis) คุยเสร็จเขาจะเปิดทางให้เรา ให้กดสำรวจอ่างน้ำเพื่อเติมน้ำ แล้วกดสำรวจทางเข้าไปต่อที่ Forgotten Vale

ออกจากประตู เดินตามทาง แล้วเดินวนขึ้นบนมา เราจะขึ้นมาที่ Forgotten Vale ของจริง ให้เปิดลูกศรเควสแล้วเดินไปตามลูกศร เติมน้ำให้ครบที่ Wayshrine ทั้งหมด (Sight (นักบวชประจำ: Athring), Learning (นักบวชประจำ: Calegriath), Resolution (นักบวชประจำ: Nirilor), Radiance (นักบวชประจำ: Edhelbor)) โดยหลังเติมไม่ต้องเดินเข้าประตูไป เพราะมันจะเสียเวลาวิ่งทะลุกลับมา ให้ใช้วิธีวิ่งใน Forgotten Vale เอาเลย เปิดแผนที่ไปในตัว

Wayshrine of Radiance จะเป็นอันที่ไปยากที่สุด ให้เก็บไว้สุดท้ายเลย (มันจะเป็นอันเดียวที่แสดงด้วยลูกศรต่างจากเพื่อน เพราะมันอยู่คนละฉาก) เพราะต้องวิ่งจาก Wayshrine of Resolution ลัดไหล่เขาไปเข้าดันเจี้ยน Glacial Crevice ไปออกอีกทางถึงจะเจอ

 

** ใครขี้เกียจวิ่งนาน ไม่สนสมบัติ ข้ามอักษรสีข้างล่างนี่ไปเลยนะคะ **

ระหว่างวิ่งใน Forgotten Vale จนถึง Inner Sanctrum ให้สังเกตรอบข้างให้ดีๆ หาศัตรูที่เป็น Frost Giant แล้วฆ่าเพื่อเอาไอเทมตระกูล Paragon มาใช้เปิดทางไปเอาสมบัติลับของ Forgotten Vale ได้ โดย Paragon ต่างๆจะอยู่ตามนี้ค่ะ (พวก Frost Giant ไม่กลับมาหลังตายนะคะ ไม่ต้องกลัวเจออีก)

  • Sapphire Paragon ให้เดินไปทางตะวันออกจาก Wayshrine of Resolution เรื่อยๆจะเจอ Frost Giant ที่มี Sapphire Paragon อยู่ใต้หน้าผา ข้างๆน้ำตก ตรงข้าม Paragon Platform
  • Amethyst Paragon วิ่งเส้นทางเดียวกับ Sapphire Paragon ยักษ์จะเดินอยู่ใกล้ๆน้ำตกอีกแห่ง (อยู่ทางใต้ของ Frost Giant ที่มี Sapphire Paragon)
  • Emerald Paragon  ให้เดินขึ้นเหนือทวนกระแสน้ำไปจาก Wayshrine of Resolution แล้วเดินเข้า Sharpslope Cave หรือ เดินขึ้นตามสะพานของพวก Falmer ก็ได้ พอขึ้นไปถึงบน(เกือบสุด) จะเจอทางกั้นที่พวก Falmer ทำประตูรั้วกั้นไว้ ให้เปิดประตูเข้าไปจัดการ Frost Giant ได้
  • Diamond Paragon จะอยู่ระหว่างทางวิ่งไปหา Wayshrine of Radiance โดยทันที่ที่ออกมาจาก Glacial Crevice ให้เดินเลี้ยวซ้ายขึ้นเนินไปออกประตูรั้วที่พวก Falmer กั้นไว้ไปจัดการ Frost Giant ตรงนั้น
  • Ruby Paragon ได้จากยักษ์ที่อยู่ใน Inner Sanctrum รายละเอียดอ่านข้างล่าง

หลังได้ Paragon ทั้งหลาย ให้กลับที่ที่ที่เราเจอยักษ์ที่มี Sapphire Paragon อีกครั้ง แล้วเดินข้ามแม่น้ำไปที่ซากเสาปรักหักพัง จะเห็นกลไกอยู่ กลไกนี้จะทำงานโดยการใส่ Paragon ชิ้นใดชิ้นหนึ่งลงไป แล้วกลไกจะเปิดประตูมิติให้เราไปเอาสมบัติได้ โดยในทั้งหมดนี้สมบัติจาก Ruby Paragon ถือว่าดีที่สุดแล้ว (โล่ Auriel Shield แต่ไม่ได้เก็บจากหีบนะ จะอยู่กับศัตรูที่เจอในพื้นที่ของ Ruby Paragon)

 

พอครบเควสก็จะอัพเดทให้เราเข้าไปใน Inner Sanctrum ได้ ให้เดินไปตามลูกศร เทน้ำในอ่างเหนือรูปปั้น แล้วเดินไปเหยียบสัญลักษณ์บนพื้นหน้าประตู รอสักพักประตูจะเปิดให้เราเข้า Inner Sanctrum ไปต่อได้

เข้ามาเราจะเจอ Falmer แช่แข็งเพียบ ไม่ต้องสนใจเพราะทำอะไรมันไม่ได้ยกเว้นจิ๊กของ เดินไปทางซ้ายของแท่นสัญลักษณ์กลางห้อง(กดสำรวจแท่นรับพรก่อนก็ได้) กดสำรวจแท่นเพื่อวางไหลงไป ทางก็จะเปิด เดินเข้าไปแล้วกลับหลังหันหยิบไหมาด้วยเพราะต้องใช้ ไปตามทางจะเจอ Frost Giant ฆ่าซะ แล้วหยิบไอเทม Ruby Paragon มาด้วย หลังเชือดยักษ์ หมุนขวาหันเอาไหวางแท่นอีกรอบ แล้วหยิบของมาซะ โดยเฉพาะ Elven Arrow นี่จำเป็นมาก จากนั้นเอาไหวางเปิดทางกลับมาที่ห้องหลักที่มีแท่นบูชากลางห้อง (จะเก็บไหหรือไม่ก็ได้ แต่ไหก็ไม่ต้องใช้แล้ว แถมขายได้ราคาระดับนึงด้วย) เดินไปตามทางทิศเหนือเรื่อยๆจะเจอทางไปที่ Auriel's Chapel ก็ให้ไปทางนั้นตามลูกศร

เข้ามาที่ Auriel's Chapel แล้วไปตามทาง เราจะเจอ Arch-Curate Vyrthur น้องชายของ Galebor เซฟก่อนเดินเข้าไป (และอย่าเผลอลบ quick save ตอนเราเข้า Auriel's Chapel เด็ดขาด) เพราะเราจะต้องฟัดกะศัตรูฝูงใหญ่ที่หลุดออกมาจากน้ำแข็ง พอฆ่าหมดฝูง Vyrthur จะระเบิดพลังทำเราร่วงลงไปวัดพื้น แต่สักพัก Serana จะมาหาเรา ให้วิ่งตามไปที่ระเบียง แล้วจะเจอบทสนทนารอจนจบแล้วจัดการ Vyrthur ซะ พอจัดการ Vyrthur ได้ Wayshrine ตรงระเบียงก็จะเคลื่อนขึ้นมาพร้อม Galebor เดินออกมา ให้คุยกับเขา แล้วเดินไปหยิบ Auriel's Bow ข้างใน เควส Touching the Sky ก็จะจบและเริ่มเควสสุดท้าย Kindred Judgement

** ถ้าวิ่งเลียบริมแม่น้ำจาก Wayshrine of Learning จะเจอหนังสือ Unknown Book Vol.1 อยู่กะศพและหีบ ตรงซากเสาที่เป็นปรักหักพัง ให้หยิบมาด้วยเพราะใช้กับเควส Misc.

** ใน Forgotten Vale ตรงสระน้ำที่เป็นแพน้ำแข็ง ตรงเกาะกลางมีกำแพงให้เรียน Shout "Drain Vitality" อยู่ พอเข้าใกล้จะเจอมังกรแฝด 2 ตัว พุ่งมาอัด

*** ตอนนี้เราจะสามารถใช้ Auriel's Bow ควบคุมพระอาทิตย์ได้ระดับนึง (ไม่กี่ชั่วโมง) แต่ต้องใช้ Sunhallowed Elven Arrow หรือ Bloodcursed Elven Arrow ด้วย

  • Sunhallowed Elven Arrow จะได้จากการเอา Elven Arrow ธรรมดาไปขอให้ Galebor ทำให้ โดยถ้าเรายิง Auriel's Bow ด้วยลูกนี้ พระอาทิตย์จะยิงแสงลงพื้นตูมๆๆ เหมือนเอฟเฟคของ Shout "Storm Call"
  • Bloodcursed Elven Arrow จะได้จากการเอา Elven Arrow ธรรมดาไปขอให้ Serana ทำให้ โดยถ้าเรายิง Auriel's Bow ด้วยลูกนี้ พระอาทิตย์จะกลายเป็นสีแดง ซึ่งพระอาทิตย์แดงนี่จะทำให้แวมไพร์ไม่โดนลดสเตตัสตอนกลางวันแสกๆเหมือนปกติ

 

 

8. Kindred Judgment

สำหรับแวมไพร์ Serana จะบอกให้เรากลับปราสาท แต่ถ้าเป็นนักล่า Serana จะบอกให้กลับไปคุยกับ Isran หลังจากนั้นเดินทางไปปราสาท Castle Volkihar แล้วเข้าปราสาทไปที่ Volkihar Cathedral จะเจอ Harkon หลังคุยกับเสร็จก็ต้องสู้ ชนะให้ได้ แล้วเควส Kindred Judgement ก็จะจบ แล้วตัวละครรองฝ่ายเราก็จะเดินเข้ามา (นักล่า = Isran, แวมฯ = Garan) ซึ่งเขาจะพูดกับเรานิดนึง เรื่องการฟื้นฟูฝ่ายที่เราอยู่ หลังจากนี้จะทำอะไรก็ได้ ส่วน Serana ก็จะอยู่กับฝั่งที่เราอยู่ด้วย

** สำหรับบั๊กที่ฆ่า Harkon ไม่ได้ด้วยเหตุใดก็ตาม รวมถึงการคืนร่างไม่ได้หลังแปลงร่างเป็นแวมฯลอร์ดหลังฆ่า Harkon แก้ด้วยการโหลดเซฟเอาสถานเดียวค่ะ และ อย่าเดินเข้าห้องไปสู้ Harkon ด้วยร่างแวมฯลอร์ดด้วย

 

*** ตอนนี้ Auriel's Bow จะควบคุมดวงอาทิตย์ได้ตามที่ควรจะเป็นแล้ว ไม่ใช่แค่วูบเดียวแบบตอนจบเควสก่อน ซึ่งสำหรับการยิงพระอาทิตย์ด้วยศรต้องสาปจะทำให้พระอาทิตย์แดงแบบนั้นจนเช้าวันรุ่งขึ้นเลย

*** ถ้าเราอยู่ฝ่าย Dawnguard เราจะสามารถคุยกับ Serana เรื่องรักษาเธอให้หายจากการเป็นแวมฯได้ ซึ่งถ้าเราจะรักษา Serana เราก็จะไม่มีวันได้เป็นแวมฯลอร์ดตลอดกาล(ถ้าเผลอไปรักษาเข้า) รวมถึงไม่สามารถสร้าง Bloodcursed Elven Arrow มายิงพระอาทิตย์ได้อีกต่อไป

*** ถ้าอยู่ฝ่าย Dawnguard เราจะสามารถขาย Elder Scroll ให้ Dexion ได้ สองอัน 6000

*** ถ้าอยู่ฝ่ายแวมฯ หลังฆ่า Harkon ถ้าเราไปคุยกับ Valerica ใน Soul Cairn เธอจะย้ายมาอยู่ที่ปราสาทและทำสวนแทน

 

 

หมดแล้วนะคะ สำหรับเควสเนื้อเรื่องของแพทช์ Dawnguard...

เควสย่อย และ ไอเทมต่างๆที่เพิ่มมาจากแพทช์จะมาทีหลังนะคะ เจอกันเอนทรี่หน้าค่ะ

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น