6/21/2559

[Skyrim] Companions (บทสรุป พร้อมข้อมูลเควสย่อย)

เอนทรี่นี้เป็นส่วนหนึ่งของเพจ


หากจะเอาไปลงที่อื่น กรุณาใส่ credit นะคะ ถึงเราจะทำด้วยใจรักก็เหอะ...


Faction: Companions


Jorrvaskr ในเมือง Whiterun คือที่ตั้งของสมาคมนักรบรับจ้างผู้ทรงเกียรติแห่ง Skyrim ประวัติของ The Companions นั้นย้อนยาวไปจนถึงก่อนที่เมือง Whiterun จะสร้างด้วยซ้ำ ผู้นำของ Companion จะถูกระบุด้วยตำแหน่ง Harbinger และ Harbinger ผู้ก่อตั้ง Companions นาม "Ysgramor" จนตอนนี้ก็คงยังเป็นตำนานเล่าขานใน Skyrim อยู่จวบจนบัดนี้

วิธีเข้าร่วม

เข้าไปใน Jorrvaskr แล้วคุยกับ Kodlak Whitemane เพื่อเริ่มเควส Take up Arms ซึ่งเป็นเควสแรกในเควสสาย Companions

แนะนำตัวละครใน Companions

Kodlak Whitemane - Harbinger คนปัจจุบัน และเป็นหัวหน้าของกลุ่ม The Circle ซึ่งเป็นสมาชิกระดับสูงของ Companions ด้วย
Vilkas - สมาชิกกลุ่ม The Circle จ้าวแห่งอาวุธสองมือ และเป็นแฝดของ Farkas
Farkas - สมาชิกกลุ่ม The Circle จ้าวแห่งเกราะหนัก เป็นแฝดกับ Vilkas
Aela the Huntress - สมาชิกกลุ่ม The Circle ผู้เชี่ยวชาญเรื่องธนู
Skjor - สมาชิกกลุ่ม The Circle
Eorlund Grey-Mane - ช่างตีเหล็กประจำของ Companions เป็นช่างตีเหล็กที่ว่ากันว่าเก่งที่สุดใน Skyrim


ตัวประกอบอื่นๆ ใน Companions

Athis - สมาชิกของ Companions เชี่ยวชาญเรื่องอาวุธมือเดียว
Njorda Stonearm - สมาชิกของ Companions เชี่ยวชาญเรื่องการใช้โล่
Ria - สมาชิกใหม่ของ Companions
Torvar - สมาชิกของ Companions
Vignar Grey-Mane - สมาชิกของ Companions
(** ถ้าเล่นเนื้อเรื่อง Stormcloak จนจบ Battle of Whiterun ละก็ Vignar จะเป็น Jarl)
Brill - คนรับใช้ของ Companions
Tilma the Haggrad - คนรับใช้ของ Companions

เควสหลักของ Companions ทั้งหมด

  • Take up Arms
  • Proving Honor
  • The Silver Hand
  • Blood's Honor
  • Purity of Revenge
  • Glory of the Dead


บทสรุปเควสหลักแต่ละเควส


- Take up Arms

หลังจากคุยกับ Kodlak Whitemane เขาจะให้เราไปซ้อมต่อสู้กับ Vilkas ให้สู้กับ Vilkas จนกว่า Vilkas จะบอกว่าพอ (อย่าตีเกินเด็ดขาด ไม่งั้นจะโดนรุมยำสหบาทาโดย Companions ทั้งหลายในนั้น เพราะถือว่าเป็นความผิดฐาน Assault) หลังจากนั้น Vilkas จะส่งดาบให้เราแล้วสั่งให้เอาไปให้ Eorlund Grey-Mane ซึ่งอยู่ที่ Sky Forge ข้างๆ Jorrvaskr พอเอาไปส่งจะมีการคุยกันเล็กน้อย หลังจากนั้น Eorlund จะวานให้เราเอาโล่ไปส่งให้ Aela ให้เอาโล่ไปส่ง แล้ว Aela จะถามคำถามเราข้อนึง จากนั้นจะเรียกให้ Farkas พาเราไปที่ห้องนอนของเด็กใหม่ ให้ตาม Farkas ไป แล้ว Farkas จะยินดีด้วยที่เราได้เข้าร่วมแล้ว แล้วจะให้งานย่อยเรามาทำงานนึง ซึ่งจะตอบปฏิเสธไปก็ได้ แต่ปกติแล้วจะเป็นงานสั่งให้เราไปต่อยพวกอวดดีให้เลิกงี่เง่าซึ่งไม่ได้ยากอะไร พอเสร็จงานก็กลับมาหา Farkas ก็จะได้เงินค่าตอบแทน แล้ว Farkas จะให้เราไปหา Skjor เพราะเขาหาตัวเราอยู่

กรณีที่ตอบปฏิเสธงานของ Farkas เราต้องไปคุยกับ Companion ระดับสูง (Aela / Farkas / Skjor) เพื่อรับงานย่อยมาทำ 1 งาน ก่อนจะได้เริ่มเควสต่อไป
งานย่อยที่ Farkas ให้ จะเป็นเควสงาน Trouble in Skyrim (เควสเคลียร์ดันเจี้ยน) หรือ เควสงาน Hired Muscle (ไปดวลหมัดกับคนที่กำหนด) ซึ่งพอทำเควสนี้จบ Farkas จะให้เราไปหา Skjor เพื่อทำเควส Proving Honor ค่ะ


- Proving Honor

ให้ไปคุยกับ Skjor เขาจะบอกให้เราไปเอาชิ้นส่วนของ Wuuthrad ซึ่งเป็นอาวุธของผู้ก่อตั้ง Companions มา โดยจะให้ Farkas ติดไปกับเราด้วย ให้เดินไปคุยกับ Farkas หลังจากนั้นให้ไปที่ Dustman's Cairn แล้วลุยดันเจี้ยนไปเรื่อยๆ จะเจอห้องนึงที่เราต้องเข้าไปสับสวิทช์ แต่พอสับแล้วประตูจะลงมาขังเราไว้ Farkas จะเดินมาบอกว่าเดี๋ยวจะหาทางปล่อยเราออกมา ให้ยืนดูคัทซีน แล้วพอได้ออกมาก็คุยกับ Farkas ซะ แล้วลุยดันเจี้ยนต่อ ในสุดของดันเจี้ยนจะมีชิ้นส่วนของ Wuuthrad พร้อมกำแพงให้เรียน Shout "Fire Breath" อยู่ พอได้แล้วก็กลับไปที่ Jorrvaskr จะเจอ Vilkas มาดักรอ หลังคุยเสร็จให้เดินตามเขาไป จะเจอคนใน Companions ทำพิธีต้อนรับ แล้วเราจะได้เป็น Companions เต็มตัว
** ในห้องแรกสุดของดันเจี้ยน Dustman's Cairn จะมีหนังสือสกิลอาวุธสองมือชื่อ The Battle of Sancre Tor อยู่ ถ้าสกิลยังไม่เต็มก็อย่าลืมหยิบอ่านด้วย
** หลังจบเควสนี้ เราต้องทำงานย่อย 1 งาน ถึงจะสามารถรับเควสหลักเควสต่อไปได้


- The Silver Hand


 หลังจากทำงานย่อยเสร็จ เราจะโดนไล่ไปหา Skjor (อีกแล้ว) ครั้งนี้เขาจะนัดให้เราไปหาที่ Underforge ตอนกลางคืน พอไปหาก็ให้ตามๆเควส ตามๆคัทซีนไป แล้วเราจะลงเอยด้วยการไปอาละวาดในเมือง (ไม่ต้องห่วง ต่อให้อัดคนเขาก็จำไม่ได้ ตอนนี้) จะวิ่งหลบ หรือ จะยืนรอโดนตบก็ได้ สักพักจอจะมืด เข้าคัทซีนต่อไปเอง ซึ่งพอเราฟื้นก็จะเจอ Aela คุยกันสักพัก แล้วเราจะต้องไปจัดการพวก Silver Hand ที่ Gallows Rock พอเราลุยไปจนสุดดันเจี้ยน ก็จะเจอเหตุการณ์แล้วจะจบเควส
**หลังเควสนี้ เราต้องทำงานย่อยของ Aela 2 งาน ถึงจะรับเควสหลักเควสต่อไปได้
**ใน Gallows Rock จะมีหนังสือสกิล One-Handed ชื่อ "The Importance of Where" แล้วก็ หนังสือสกิล Smithing ชื่อ "The Last Scabbard of Akrash" อยู่ด้วย
**หลังจาก Skjor ตาย Vilkas จะเป็นคนให้เควสย่อยแทน Skjor


- Blood's Honor



 หลังทำงานย่อยเสร็จ จะพบว่า Harbinger Kodlak Whitemane เรียกเราไปพบ ให้คุยกับ Kodlak เขาจะให้เรานั่งลงฟังที่เขาพูด ก็ให้นั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ แล้วฟังจนจบ แล้วไปล่า Glenmoril Witch ที่ Glenmoril Coven (Glenmoril Witch จะ ลักษณะคล้าย Hagraven แต่แกร่งกว่า) จะฆ่าตัวเดียวแล้วหิ้วหัวกลับไป หรือจะฆ่าล้างบางแล้วหิ้วหัวกลับไปหมดก็ได้ พอกลับไปที่ Jorrvaskr ใน Whiterun จะเจอโศกนาฎกรรม แล้วจะเริ่มเควสต่อไปทันที
**ใน Glenmoril Coven มีหนังสือ สกิลเวทย์สาย Destruction ชื่อ "The Horror of Castle Xyr" อยู่ที่ตัวแม่มดตัวไหนสักตัว แล้วก็หนังสือสกิล Enchanting ชื่อ "A Tragedy in Blackin" อยู่บนชั้นวางของในห้องทางเหนือด้วย
**หัวของ Glenmoril Witch ใช้ถอนคำสาปมนุษย์หมาป่าได้ ถ้าอยากหายเป็นมนุษย์หมาป่า ก็ให้เก็บหัวนึงไว้สำหรับตัวเองด้วย
**หลังจบเนื้อเรื่องหลักของ Companions จะมีเควสถอนคำสาปของ Vilkas กับ Farkas ซึ่งต้องใช้หัวอย่างละหัวในการทำ ถ้าจะทำเควสนี้ก็เก็บหัวมาเผื่อด้วย


- Purity of Revenge

ทันทีที่เริ่มเควสนี้ เราจะได้ Vilkas มาเป็นผู้ติดตาม ซึ่งถ้าเรามีคนติดตามอยู่ก็จะถูกแทนที่ทันที (คนติดตามคนก่อนสามารถไปตามคืนได้หลังจบเควส) ให้ไปล้างแค้นถึงรังต้นเหตุที่ Driftshade Refuge ลุยดันเจี้ยนล้างบางเก็บชิ้นส่วน Wuuthrad ที่ถูกขโมยไป แล้วกลับไปที่ Whiterun คนใน Companions จะบอกให้เราไปที่ Skyforge เพื่อร่วมพิธีศพ หลังพิธีก็จะเริ่มเควสหลักเควสต่อไป

** ระวังด้วย เนื่องจากเควสบางเควสที่เป็น Misc. จะใช้สถานที่เดียวกันกับเควสนี้ โดยเฉพาะเควสหา Helm of Winterhold เพราะงั้น ไปเคลียร์ซะ ก่อนจะมารับ ไม่งั้น เควสนี้จะไม่เริ่มเลยค่ะ


- Glory of the Dead

หลังพิธีศพ Eorlund Grey-Mane จะขอชิ้นส่วน Wuuthrad จากเรา แล้วขอให้เราไปเอาชิ้นส่วน Wuuthrad ชิ้นสุดท้ายที่อยู่ในห้องนอนของ Kodlak White-Mane มาให้ พอเอามาให้แล้ว Eorlund จะบอกว่า สมาชิกคนอื่นไปรออยู่ที่ Underforge ให้ไปที่ Underforge จะเจอเหตุการณ์พูดคุย หลังจากจบเหตุการณ์ เราจะได้ขวาน Wuuthrad จาก Eorlund Grey-Mane แล้วเราจะต้องไปที่ สุสานของ Ysgramor (Ysgramor's Tomb) พร้อมๆกับสมาชิกของ The Circle คนอื่น
สุสานเองก็เหมือนดันเจี้ยนอื่นๆ แต่มีผี Companions รุ่นก่อนๆอยู่เต็มไปหมด ระหว่างทาง สมาชิกของ The Circle จะท้อแล้วเลิกลุยไปทีละคน จนสุดท้ายจะเหลือแค่เรากับ Aela ให้ฝ่าเข้าไปจนถึงห้องในสุดจะเจอผี Kodlak White-Mane อยู่ตรงกลางห้องข้างๆกองไฟ คุยกับ Kodlak เขาจะขอให้เอาหัว Glenmoril Witch โยนเข้ากองไฟ ให้ทำตาม แล้วสู้กับวิญญาณหมาป่าที่โผล่ออกมา พอสู้เสร็จก็จะแก้คำสาปของ Kodlak White-Mane ได้ แล้ว Kodlak จะให้เราเป็น Harbinger คนต่อไปของ Companions
หลังผี Kodlak หายไป Aela จะขออยู่สุสานสักพักก่อนกลับ Jorrvaskr สมาชิก The Circle คนอื่นๆก็เช่นกัน ตอนนี้เราจะไม่มีเควสเนื้อเรื่องแล้ว แต่จะมีเควสเสริมจากเนื้อเรื่องบางเควสที่จะรับได้ในภายหลัง
**ในดันเจี้ยนสุสาน จะมีหนังสือสกิลอาวุธสองมือชื่อ "The Legendary Sancre Tor" ด้วย
**เดิมทีการแก้คำสาปมนุษย์หมาป่าของตัวเราทำได้ครั้งเดียว และจะไม่มีวันกลับเป็นได้อีก ถ้าจะแก้ก็คิดก่อนแก้ แต่หลังจากแพทช์ Dawnguard เข้ามา... สามารถใช้การเป็น Vampire Lord ทับการเป็นมนุษย์หมาป่าให้หายได้ และ สามารถกลับเป็นมนุษย์หมาป่าได้ถ้าคุยกับ Aela (ครั้งเดียวเท่านั้น)
**ข้างๆห้องที่เราเจอผี Kodlak จะมีหีบที่มี Shield of Ysgramor อยู่
**ถ้าเดินออกประตูทางตะวันตก จะเจอกำแพงที่มี Shout "Animal Allegiance" ให้เรียน

**หลังจบเควส เราจะหยิบขวาน Wuuthrad จากรูปปั้นมาใช้ก็ได้


Side Quest ทำได้ครั้งเดียว หรือ ตามจำนวนครั้งที่กำหนด

เควสต่อไปนี้ ต้องทำเนื้อเรื่องของ Companions จนจบก่อน ถึงจะทำได้

 

เควส Totems of Hircine: รับจาก Aela the Huntress ทำได้ 3 ครั้ง

หลังจากเควส Glory of the Dead ถ้าเราเคยทำเควส Striking the Heart, Stealing the Plans และ Retrieval มาแล้ว และยังเป็นมนุษย์หมาป่าอยู่ บางครั้ง Aela จะให้เควส Totems of Hircine มา ซึ่งเควสนี้เป็นเควสไปเอาเสาสัญลักษณ์ของ Daedric Lord Hircine ซึ่งเป็นผู้มอบพลังมนุษย์หมาป่าให้มนุษย์มาประดิษฐานที่ Underforge โดย Totem จะมี 3 แบบและให้พลังต่างๆกันไป (กดหอนตอนเป็นมนุษย์หมาป่า)
  1. Totem of Fear: ทำให้ศัตรูกลัว วิ่งหนี
  2. Totem of Brotherhood: เรียกวิญญาณหมาป่า 2 ตัวมาช่วยสู้
  3. Totem of the Hunt: ทำให้มีผลเหมือนคาถา Detect Life สามารถมองเห็นศัตรูและสิ่งมีชีวิตอื่นๆได้จากออร่า

เควส Purity :รับจาก Vilkas และ Farkas (ทำได้คนละครั้ง)

ต้องจบเควส Glory of the Dead ก่อน ถึงจะสามารถรับได้ เควสนี้เป็นเควสแก้คำสาปมนุษย์หมาป่าของสองแฝด พอรับช่วย เขาก็จะตามเรามา ก็พาไปที่ Ysgramor's Tomb ที่เคยแก้คำสาปให้ Kodlak Whitemane นั่นแหละ โยนหัวแม่มดลงกองไฟ ฆ่าวิญญาณหมาป่า คุยกับแฝดคนที่ทำเควส แล้วก็จบ


งานเสริม (เควสย่อย สามารถทำซ้ำได้เรื่อยๆ)

งานเสริมมีหลายแบบ รับได้จากตัวละครที่เป็นสมาชิกใน The Circle ค่ะ


Aela the Huntress : เควส Animal Extermination

  • Animal Extermination มีสองแบบ แบบแรกคือ ไปเชือดสัตว์ป่าที่ไปยึดบ้านคน กับอีกแบบคือเชือดสัตว์ป่าในถ้ำ หรือ สถานที่ที่กำหนด แล้วกลับมารายงาน
หากทำเควสเนื้อเรื่องของ Companions ไปจนจบเควส The Silver Hands จะมีเควสต่อไปนี้เพิ่มมา แต่ถ้าเล่นจนจบเนื้อเรื่องหลักของ Companions (เควส Glory of the Dead) แล้วเควสพวกนี้จะหายไป
  • Striking the Heart: เควสฆ่าผู้นำของ Silver Hands ในสถานที่ที่กำหนด
  • Stealing Plans: เควสไปเอา Silver Hand Stratagem จากสถานที่ที่กำหนด
  • Retrieval: เควสไปเอาชิ้นส่วนของ Wuuthrad

Farkas : เควส Hired Muscle, เควส Trouble in Skyrim

  • Hired Muscle คือเควสดวลหมัดเปล่า ไปคุยแล้วดวลหมัดกับคนที่กำหนดแล้วกลับมารายงานตัว
  • Trouble in Skyrim เป็นเควสล้างบาง เอ๊ย ฆ่าหัวหน้าของศัตรูที่กบดานในพื้นที่ที่กำหนด แต่มักจะลงเอยด้วยการล้างบาง พอฆ่าเสร็จก็กลับไปรายงานตัว
ถ้าเราเล่นจนจบเควส Glory of the Dead และทำเควสเนื้อเรื่องหลักจริงๆจนจบเควส A Blade in the Dark บางครั้ง Farkas จะให้เควสนี้มาค่ะ
  • Dragon Seekers เป็นเควสล่ามังกร เนื่องจาก Farkas ได้ยินนักเดินทางพูดเรื่องมังกร เลยอยากรู้แล้วถามเรา พอตอบตกลง Farkas ก็จะตามเรามา ให้ไปที่รังมังกรที่กำหนด ฆ่ามังกรที่นั่น คุยกับ Farkas ก็จะจบเควส แต่พอจบเควส Farkas จะไม่อยู่ที่ Jorrvaskr สักพัก


Skjor / Vilkas : เควส Family Heirloom, เควส Escaped Criminal, เควส Rescue Mission

  • Family Heirloom เป็นเควสไปเอาสมบัติประจำตระกูลกลับคืนมา พอไปเอากลับมาแล้วก็รายงานตัว
  • Escaped Criminal เป็นเควสล่านักโทษหลบหนี วิธีที่ง่ายที่สุดคือ Fast Travel ไปใกล้ๆ แล้วเดินหาเอา เพราะพวกนี้ชอบวิ่งหนี ฆ่าเสร็จก็กลับไปรายงานตัว
  • Rescue Mission เป็นเควสช่วยคนที่ถูกลักพาตัว ให้ไปช่วย แล้วพาไปที่เมืองที่กำหนด เสร็จแล้วกลับไปรายงานตัว


ปิดท้าย

ณ  Sovngarde...

Tsun: "By what right do you request entry?"

Dragonborn : "By right of glory, I lead the Companions of Jorrvaskr."


เอนทรี่เรื่อง Companions จบแต่เพียงเท่านี้ ขอบพระคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ พบกันเอนทรี่หน้าค่ะ

6/17/2559

[Skyrim] เสาสัญลักษณ์ราศีต่างๆ และ ศิลาผู้สรรค์สร้าง

เอนทรี่นี้เป็นส่วนหนึ่งของเพจ
  


หากจะเอาไปลงที่อื่น กรุณาใส่ credit นะคะ ถึงเราจะทำด้วยใจรักก็เหอะ...

 

เสาสัญลักษณ์ราศีต่างๆ


เวลาเดินไปมาในโลก Skyrim บางครั้งเราจะเจอเสาหิน Standing Stone ที่เรียงกันคล้ายๆแท่นบูชา หรือ ลานพิธี ซึ่งเสาพวกนี้ เวลาเดินไปสำรวจ เราจะสามารถรับสัญลักษณ์ราศีได้ และได้พลังเพิ่มจากสัญลักษณ์นั้นๆ โดยตัวเสาเองจะเป็นชื่อของราศีเลย


** การเรียงเสาราศีในเอนทรี่นี้เรียงตามเดือนของราศีนั้นๆในเกม

**เดือนที่ใส่ไว้เพียงแค่บอกว่า ราศีไหน ประจำเดือนอะไรในเกมเท่านั้น ไม่ได้มีผลต่อพลังของสัญลักษณ์แต่อย่างใด


** The Warrior, The Mage, และ The Thief ถือเป็น Guardian Sign เพราะงั้นจึงถูกตั้งไว้ด้วยกันและเรียกรวมว่า Guardian Stone


เสาสัญลักษณ์ราศีทั้งหมดได้แก่


1. The Ritual Stone



  • เดือน - Morning Star (= มกราคม ของ โลกจริง)
  • พลัง - ปลุกศพรอบๆตัวผู้เล่นขึ้นมาช่วยสู้ ใช้ได้วันละครั้ง
  • ที่อยู่ -ทางตะวันออกของเมือง Whiterun เหนือทางเข้าถ้ำ Greywinter Watch



2. The Lover Stone



  • เดือน - Sun's Dawn (= กุมภาพันธ์ โลกจริง)
  • พลัง - เรียนสกิลทุกชนิดไวขึ้น 15% (แต่จะไม่ได้โบนัสจากการนอนหลับ)
  • ที่อยู่ -ทางตะวันออก (เฉียงเหนือเล็กน้อย) ของเมือง Markarth ทางเหนือของเหมือง Kolskeggr



3. The Lord Stone




  • เดือน - First Seed (= มีนาคม โลกจริง)
  • พลัง - Armor Rating +50, เพิ่มพลังป้องกันเวทย์ 25%
  • ที่อยู่ - ทางตะวันออกของเมือง Morthal อยู่ทางเหนือ (เฉียงตะวันออกนิดๆ) ของวิหาร Daedric Mehrunes Dagon (ง่ายสุดคือ วิ่งไปทางตะวันออกของ Morthal เลย พอวิ่งเลยเหมือง Stonechills ก็แปลว่าใกล้ถึงละ ไปทางตะวันออกอีกนิดนึง)


4. The Mage Stone




  • เดือน - Rain's Hand (= เมษายน โลกจริง)
  • พลัง - เรียนสกิลสายเวทย์ไวขึ้น 20%
  • ที่อยู่ - ทางตะวันตกเฉียงใต้ของหมู่บ้าน Riverwood เป็นหนึ่งในหิน Guardian Stone (เสากลาง)


5. The Shadow Stone




  • เดือน - Second Seed (= พฤษภาคม โลกจริง)
  • พลัง -หายตัวได้ 1 นาที ใช้ได้วันละครั้ง
  • ที่อยู่ -ทางใต้ของเมือง Riften ทางตะวันตกเฉียงใต้ของ Nightingale Hall


6. The Steed Stone




  • เดือน - Mid Year (= มิถุนายน โลกจริง)
  • พลัง - เกราะที่ใส่อยู่ไร้น้ำหนัก, เกราะไม่ทำให้เคลื่อนไหวช้าลง, +100 Carry Weight
  • ที่อยู่ -ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมือง Solitude ข้างๆ Ironback Hideout


7. The Apprentice Stone




  • เดือน - Sun's Height (= กรกฎาคม โลกจริง)
  • พลัง - Magicka ฟื้นเร็วขึ้น 100% แต่แพ้เวทย์มากกว่าเดิมด้วย 100%
  • ที่อยู่ - เกาะกลางแม่น้ำระหว่างเมือง Morthal กับ Solitude


8. The Warrior Stone




  • เดือน - Last Seed (= สิงหาคม โลกจริง)
  • พลัง -เรียนสกิลสายต่อสู้ไวขึ้น 20%
  • ที่อยู่ - ทางตะวันตกเฉียงใต้ของหมู่บ้าน Riverwood เป็นหนึ่งในหิน Guardian Stone (เสาขวา)



9. The Lady Stone




  • เดือน -Heartfire (= กันยายน โลกจริง)
  • พลัง - ฟื้น HP และ Magicka ไวขึ้น 25%
  • ที่อยู่ - เกาะกลางทะเลสาบทางเหนือของเมือง Falkreath



10. The Tower Stone




  • เดือน - Frost Fall (= ตุลาคม โลกจริง)
  • พลัง - สามารถเปิดล็อกระดับต่ำกว่า Expert ได้ วันละครั้ง
  • ที่อยู่ - บนหน้าผากึ่งกลางระหว่างเมือง Dawnstar กับ Winterhold



11. The Atronach Stone




  • เดือน - Sun's Dusk (= พฤศจิกายน โลกจริง)
  • พลัง - Magicka สูงสุด +50%, ดูดความเสียหายจากเวทย์ 50% แต่ ฟื้นพลังเวทย์ช้าลง 50%
  • ที่อยู่ -ทางใต้ของเมือง Windhelm ไม่ไกลจาก Mist Watch และ Dark Water Crossing (อยู่ทางเหนือของ Mist Watch และทางตะวันออกของ Dark Water Crossing)



12. The Thief Stone




  • เดือน - Evening Star (= ธันวาคม โลกจริง)
  • พลัง - เรียนสกิลสายโจรไวขึ้น 20%
  • ที่อยู่ - ทางตะวันตกเฉียงใต้ของหมู่บ้าน Riverwood เป็นหนึ่งในหิน Guardian Stone (เสาซ้าย)


13. The Serpent Stone




  • เดือน - (ไม่มี)
  • พลัง -สามารถใช้การโจมตีระยะไกล ทำเดเมจ 25 แต้ม พร้อมทำให้ศัตรูเป็นอัมพาต 5 วินาที ได้วันละครั้ง
  • ที่อยู่ - อยู่บนเกาะทางตะวันออกของ College of Winterhold







ศิลาผู้สรรค์สร้าง (DB)




ศิลาผู้สรรค์สร้าง (All-Maker Stones) จะพบบนเกาะ Solstheim ในแพทช์ Dragonborn เวลาไปกดสำรวจหินพวกนี้ เราจะสามารถใช้พลังพิเศษตามหินได้ 1 ครั้ง แล้วหายไป ถ้าอยากใช้ใหม่ ต้องไปกดรับจากหินอีกที... (พลังพวกนี้จะอยู่หมวด Power ใช้ด้วยการเลือกและกดปุ่มตะโกน)


หินพวกนี้ตอนแรกจะสำรวจไม่ได้เพราะมีพลังของ Miraak คลุมอยู่ ต้องทำเนื้อเรื่องจนเลย Cleansing the Stones ไป ถึงจะสามารถรับพลังจากหินได้ หินทั้งหมดมี 6 แบบด้วยกันกระจายอยู่รอบๆเกาะ


** ถ้าใครเคยเล่นภาค Bloodmoon มา ก็จะเจอหินพวกนี้เหมือนกันแต่ในภาคนั้นจะเรียกว่า ศิลาศักดิ์สิทธิ์ (Sacred Stones) แทน




1. Beast Stone

ตำแหน่ง: ทางตะวันออกของ Temple of Miraak (อยู่กลางๆเกาะ)
พลัง: Conjure WereBear

เรียกหมี Werebear มาช่วยเราสู้เป็นเวลา 1 นาที




2. Earth Stone

ตำแหน่ง: ทางตะวันตกของ Raven Rock ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะ
พลัง: Bones of the Earth

ทำให้เดเมจการโจมตีกายภาพที่เราโดนจากศัตรูเบาลง 80% เป็นเวลา 30 วินาที




3. Sun Stone

ตำแหน่ง: ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะ ทิศเหนือของ Tel Mithryn
พลัง: Sun Flare

ร่ายเวทย์ไฟความรุนแรง 100 เดเมจรอบตัวเรา




4. Tree Stone

ตำแหน่ง: ใน Temple of Miraak
พลัง: Root of Power

ทำให้เวทย์ใช้ Magicka น้อยลง 75% เป็นเวลา 1 นาที




5. Water Stone

ตำแหน่ง: ทิศตะวันตกของเกาะ (ไม่มีเมืองใกล้ๆ ตาม Marker ของเควส Cleasing the Stones ง่ายกว่า)
พลัง: Water of Life

ฟื้น HP ทุกคนที่อยู่รอบตัว 200 แต้ม




6. Wind Stone

ตำแหน่ง: ทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ Skaal Village
พลัง: North Wind

ศัตรูที่โดนพลังเข้าไปจะเสีย HP และ Stamina 20 แต้มต่อวินาทีเป็นเวลา 10 วินาที

[Skyrim] การเลเวลอัพ และ การฝึกสกิลต่างๆ (+รายชื่อ Trainer ในเกม)

เอนทรี่นี้เป็นส่วนหนึ่งของเพจ

หากจะเอาไปลงที่อื่น กรุณาใส่ credit นะคะ ถึงเราจะทำด้วยใจรักก็เหอะ...

การเลเวลอัพตัวละคร และ การฝึกสกิลต่างๆ

การเลเวลอัพของเกมนี้ ขึ้นกับการพัฒนาสกิล แต่ไม่ได้ยุ่งยากเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
เวลาเราเลเวลสกิลอัพ หลอดเลเวลตัวละครก็จะเพิ่มขึ้น พอหลอดเต็มเราก็จะเลเวลอัพ
พอเลเวลอัพ ให้กดปุ่มเข้าไปดูที่สกิล (PC กด Tab / PS3 กด O / XBOX360 กด B) แล้วเลือก Skills เราจะเลือกได้ว่า จะเพิ่มสเตตัส HP , Magicka หรือ Stamina ซึ่งการเลือกครั้งนึงจะทำให้สเตตัสนั้นเพิ่มขึ้น 10 แต้ม

  
HP คือ เลือด หรือ พลังชีวิตของตัวละคร ยิ่งเยอะยิ่งตายยาก
Magicka คือ พลังเวทย์ ยิ่งเยอะ ก็ยิ่งใช้เวทย์ได้นานขึ้น
Stamina คือ พลังกาย มีผลกับเวลาวิ่ง การโจมตีแบบแรง และ น้ำหนักที่แบก
(เพิ่ม Stamina 1 ครั้ง จะแบกน้ำหนักเพิ่มขึ้นได้ 5 แต้มด้วย)
และจะได้แต้ม perk มาไว้อัพโบนัสของสกิลสายต่างๆ 1 แต้ม ต่อการเลเวลตัวละคร 1 เลเวล
โดยคร่าวๆ เกมนี้สามารถแบ่งสกิลได้เป็น 3 ประเภท (อ้างอิงโดยตำรา Oghma Infinium)

  • Might หรือ สายต่อสู้ : Archery, Heavy Armor, One-handed, Smithing, Two-handed, Block

  • Magic หรือ สายเวทย์ : Alteration, Conjuration, Destruction, Illusion, Restoration, Enchanting

  • Shadow หรือ สายโจร : Alchemy, Light Armor, Lockpicking, Pickpocket, Speech, Sneak

สกิลต่างๆมีวิธีเพิ่มตายตัวของมันเอง ถ้ามีทุน เราก็สามารถจ่ายให้ NPC ที่เป็น Trainer อัพสกิลให้เราได้เหมือนกัน หรือถ้าเดินไปเจอหนังสือก็เปิดอ่านดู ถ้าเป็นหนังสือสกิล ก็จะได้สกิลนั้นๆ เพิ่ม 1 เลเวลค่ะ แต่ได้จากหนังสือชนิดนั้นครั้งเดียวเท่านั้น เปิดอ่านอีกครั้งก็ไม่ได้แล้ว
อนึ่ง เอนทรี่นี้จะยังไม่พูดถึง Perk Bonus ของแต่ละสกิล เนื่องจากมันจะยาวมากจนไม่สามารถบรรจุลงได้หมด จะขอพูดถึงแค่ วิธีการเพิ่ม และ  NPC ที่รับสอน เท่านั้น
หากเป็น NPC ที่อยู่ใน Faction ใด Faction หนึ่ง เราต้องเข้าร่วม Faction นั้นๆ ก่อนนะคะ เขาถึงจะฝึกให้เรา
  • ถ้าอยู่ใน Jorrvaskr = ต้องเข้าร่วม Companion ก่อน
  • อยู่ใน College of Winterhold = ต้องเข้า College of Winterhold ก่อน
  • อยู่ใน Dark Brotherhood Sanctuary = ต้องเข้าร่วม Dark Brotherhood ก่อน
  • อยู่ใน Thieves Guild ก็ต้องเข้าร่วม Thieves Guild ก่อน
 
ถ้าอยู่ใน Orc Stronghold เราต้องไปทำเควสของ Ghorza gra-Bagol (ออร์คหญิง ช่างตีเหล็กในเมือง Markarth) ก่อนเขาจะให้เราไปหาหนังสือ "The Last Scabbard of Akrash" มาให้เขา ทำเสร็จ เขาจะเอาหนังสือไป แล้วเขาจะบอกว่าเขาติดต่อไปที่ Orc Stronghold ให้แล้ว ว่าเราไว้ใจได้ ในฐานะ Bloodkin ของเขา ตอนนี้เราก็จะเข้าไปได้แล้ว (ใครอยากมีเมียเป็นออร์ค หลังทำเควสเสร็จ ขอคุณเธอแต่งงานได้นะคะ) อีกทางคือ ทำเควส Fetch me that book! ของ Urag gro-Shub ที่เป็นบรรณารักษ์ในวิทยาลัย College of Winterhold เขาก็จะติดต่อให้เหมือนกัน หรือ จะทำเควส The Forge Master's Fingers ก็ได้ เราจะได้เป็น Bloodkin แล้วสามารถเข้าไปได้โดยไม่โดนด่า
** การฝึกกับ NPC สามารถฝึกได้ 5 ครั้ง ต่อ 1 เลเวลตัวละคร ถ้าฝึกครบแล้ว ต้องรอเลเวลอัพก่อน จึงจะฝึกต่อได้ค่ะ

สกิลสายต่อสู้

Archery - สกิลธนู เพิ่มด้วยการใช้ธนูยิงศัตรู
Trainer:
  • Faendal (หมู่บ้าน Riverwood ฝึกได้ถึงเลเวล 50)
  • Aela (ใน Jorrvaskr เมือง Whiterun ฝึกได้ถึงเลเวล 75)
  • Niruin (Thieves Guild ในเมือง Riften ฝึกได้ถึงเลเวล 90)

Heavy Armor - สกิลเกราะหนัก เพิ่มถ้าการใส่เกราะหนักแล้วโดนศัตรูตี
Trainer:
  • Gharol (อยู่ใน Orc Stronghold ชื่อ Dushnikh Yal ฝึกได้ถึงเลเวล 75)
  • Farkas (ใน Jorrvaskr เมือง Whiterun ฝึกได้ถึงเลเวล 90)

One-Handed - สกิลอาวุธมือเดียว เพิ่มด้วยการเอาอาวุธมือเดียวทุกประเภทไปฟันศัตรู
Trainer:
  • Amren (เมือง Whiterun ฝึกได้ถึงเลเวล 50)
  • Athis (ใน Jorrvaskr เมือง Whiterun ฝึกได้ถึงเลเวล 75)
  • Chief Burguk (อยู่ใน Orc Stronghold ชื่อ Dushnikh Yal ฝึกได้ถึงเลเวล 90)

Smithing - สกิลตีเหล็ก เพิ่มด้วยการตีอาวุธ ตีเกราะ อัพเกรดอาวุธ หรือเกราะ (อาวุธลับที่ Grindstone เกราะทุบบนโต๊ะ Workbench)
Trainer:
  • Ghorza gra-Bagol (เมือง Markarth ฝึกได้ถึงเลเวล 50)
  • Balimund (เมือง Riften ฝึกได้ถึงเลเวล 75)
  • Eorlund Grey-Mane (เมือง Whiterun ฝึกได้ถึงเลเวล 90)

Two-Handed - สกิลอาวุธประเภทถือสองมือ เพิ่มด้วยการถืออาวุธสองมือไปตีศัตรู
Trainer:
  • Torbjorn Shatter-Shield (เมือง Windhelm ฝึกได้ถึงเลเวล 75)
  • Vilkas (ใน Jorrvaskr เมือง Whiterun ฝึกได้ถึงเลเวล 90)

Block - สกิลโล่ ถือโล่แล้วยกโล่ป้องกันเวลาศัตรูโจมตีมา
Trainer:
  • Njada Stonearm (ใน Jorrvaskr เมือง Whiterun ฝึกได้ถึงเลเวล 75)
  • Chief Larak (อยู่ใน Orc Stronghold ชื่อ Mor Khazgur ฝึกได้ถึงเลเวล 90)


สกิลสายเวทย์


Alteration - เวทย์สายสนับสนุนและป้องกัน เปลี่ยนสิ่งต่างๆจากสภาพที่เคยเป็น
Trainer:
  • Dravynea the Stoneweaver (อยู่ในหมู่บ้าน Kynesgrove ฝึกได้ถึงเลเวล 75)
  • Tolfdir (College of Winterhold ฝึกได้ถึงเลเวล 90)

Conjuration - เวทย์สายซัมม่อน เรียกกระดูก เรียกสิ่งมีชีวิตเวทมนตร์มาช่วยต่อสู้ 
Trainer:
  • Runil (เมือง Markarth ฝึกได้ถึงเลเวล 50)
  • Phinis Gestor (College of Winterhold ฝึกได้ถึงเลเวล 75)
  • Falion (อยู่ในบ้านตัวเองในเมือง Morthal ฝึกได้ถึงเลเวล 90)

Destruction - เวทย์สายทำลายล้าง โจมตีศัตรูโดยตรง
Trainer:
  • Wuunferth the Unliving (ในชั้นบนของ วัง Palace of the King ในเมือง Windhelm ฝึกได้ถึงเลเวล 50)
  • Sybille Stentor (วัง Blue Palace ในเมือง Solitude ฝึกได้ถึงเลเวล 75)
  • Faralda (College of Winterhold ฝึกได้ถึงเลเวล 90)

Illusion - เวทย์สายมายา หลอกลวงและควบคุมสิ่งต่างๆรอบตัว 
Trainer:
  • Atub (อยู่ใน Orc Stronghold ชื่อ Largashbur ฝึกได้ถึงเลเวล 75)
  • Drevis Neloren (College of Winterhold ฝึกได้ถึงเลเวล 90)

Restoration - เวทย์สายรักษา มีความศักดิ์สิทธิ์ สามารถโจมตีพวกอันเดดได้ด้วย 
Trainer:
  • Keeper Carcette (Hall of Vigilant ฝึกได้ถึงเลเวล 75)
  • Colette Marence (College of Winterhold ฝึกได้ถึงเลเวล 75)
  • Danica Pure-Spring (ใน Temple of Kynareth เมือง Whiterun ฝึกได้ถึงเลเวล 90) ** ต้องจบเควส The Blessings of Nature ก่อน

Enchanting - สกิลใช้เพิ่มคุณสมบัติเวทย์มนตร์ลงบนอุปกรณ์ต่างๆ ต้องใช้แท่น Arcane Enchanter ในการลงเวทย์ 
Trainer:
  • Sergius Turrianus (College of Winterhold ฝึกได้ถึงเลเวล 75)
  • Hamal (ใน Temple of Dibella เมือง Markarth ฝึกได้ถึงเลเวล 90) ** ต้องจบเควส The Heart of Dibella ก่อน


สกิลสายโจร


Alchemy - สกิลปรุงยา ต้องผสมยาให้ได้ยาด้วยถึงจะได้สกิล (ผสมมั่ว ขวดแตกโป๊ะ ไม่ได้สกิล)
Trainer:
  • Lami (ร้าน Thaumaturgist's Hut เมือง Morthal ฝึกได้ถึงเลเวล 50)
  • Arcadia (ร้าน Arcadia's Cauldron เมือง Whiterun ฝึกได้ถึงเลเวล 75)
  • Babette (Dark Brotherhood Sanctuary ฝึกได้ถึงเลเวล 90)

Light Armor - สกิลเกราะเบา เพิ่มถ้าใส่เกราะเบาแล้วถูกศัตรูโจมตี
Trainer:
  • Scouts-Many-Marshes (ท่าเรือนอกเมือง Windhelm ฝึกได้ถึงเลเวล 50)
  • Grelka (เมือง Riften ฝึกได้ถึงเลเวล 75)
  • Nazir (Dark Brotherhood Sanctuary ฝึกได้ถึงเลเวล 90)

Lockpicking - สกิลสะเดาะกลอน เพิ่มเองถ้าพยายามงัดล็อกต่างๆ แม้ไขไม่ออก ที่งัดหักก็เพิ่ม
Trainer:
  • Ma'jhad (อยู่กับคาราวาน Khajiit ฝึกได้ถึงเลเวล 75)
  • Ra'zhinda (อยู่กับคาราวาน Khajiit ฝึกได้ถึงเลเวล 75)
  • Vex (Thieves Guild ในเมือง Riften ฝึกได้ถึงเลเวล 90)

Pickpocket - สกิลล้วงกระเป๋า กดเข้าโหมด sneak แล้วค่อยล้วงกระเป๋าเป้าหมาย ยิ่งของมีค่ามากยิ่งอัพไว
Trainer:
  • Silda the Unseen (เมือง Windhelm ฝึกได้ถึงเลเวล 75)
  • Vipir the Fleet (Thieves Guild ในเมือง Riften ฝึกได้ถึงเลเวล 90)

Speech - สกิลการพูด ปกติอัพเองเรื่อยๆอยู่แล้วเวลาเราซื้อขายของ แต่การเลือกคำสั่งเวลาคุยที่เป็น Speechcraft อย่าง Persuade หรือ Intimidate ก็ทำให้อัพด้วย
Trainer:
  • Dro'marash (อยู่กับคาราวาน Khajiit ฝึกได้ถึงเลเวล 50)
  • Revyn Sadri (ร้าน Sadri's Used Wares เมือง Windhelm ฝึกได้ถึงเลเวล 50)
  • Ogmund (โรงแรม Silver-Blood Inn เมือง Markarth ฝึกได้ถึงเลเวล 75)
  • Giraud Gemane (Bards College เมือง Solitude ฝึกได้ถึงเลเวล 90)

Sneak - สกิลย่องเงียบ อัพถ้าเรากดเข้าโหมด sneak แล้วเดินไปมาในที่ที่มีอะไรที่เห็นเราได้ จะอัพเวลาเราโจมตีเป็น sneak attack (โจมตีจากโหมด sneak แล้วติด sneak attack ซึ่งทำให้พลังโจมตีเป็น 2 เท่า) ด้วย ถ้าอัพ perk จะเพิ่มความรุนแรงของ sneak attack ได้
Trainer:
  • Khayla (อยู่กับคาราวาน Khajiit ฝึกได้ถึงเลเวล 50)
  • Garvey (อยู่ที่ The Warrens ในเมือง Markarth ฝึกได้ถึงเลเวล 75)
  • Delvin Mallory (Thieves Guild ในเมือง Riften ฝึกได้ถึงเลเวล 90)

นี่เป็นสรุปวิธีอัพเลเวลและอัพสกิลอย่างคร่าวๆ
สำหรับ perk ของสกิลแต่ละสกิล จะเอามาแจงละเอียดทีหลังนะคะ
รายละเอียดอื่น รอเอนทรี่หน้าค่ะ

6/16/2559

[Skyrim] Main Quest Chapter 3

เอนทรี่นี้เป็นส่วนหนึ่งของเพจ


หากจะเอาไปลงที่อื่น กรุณาใส่ credit นะคะ ถึงเราจะทำด้วยใจรักก็เหอะ...

MAIN QUEST CHAPTER 3



Season Unending *
The Fallen *
The World Eater's Eyrie
Sovngarde
Dragonslayer 


** แม้รหัสเควสของ The Fallen จะมาก่อน Season Unending แต่ท้ายที่สุด เราจะทำ The Fallen เลยได้หรือไม่ ก็ขึ้นกับ Season Unending อยู่ดี เจ้าของบล็อกจึงจัด Season Unending ให้มาก่อนค่ะ


14. Season Unending

หลังจาก Alduin บินจากไป เกมจะบอกให้เราไปคุยกับ Paarthurnax / Arngier / Esbern คนไหนก็ได้ พอคุยเสร็จเราจะต้องไปที่ Dragonsreach เพื่อคุยกับ Jarl (ถ้าคุยกับ Esbern เราจะเจอเควส Paarthurnax แถมมาด้วย ซึ่งจะทำหรือไม่ทำก็ได้)

ไปคุยกับ Jarl แล้วสิ่งที่เราต้องทำจะต่างกันตามสถานการณ์บ้านเมืองขณะนั้นค่ะ
  • ถ้าเราเข้าฝ่าย Imperial Legion หรือ Stormcloak แล้วเล่นจนจบเนื้อเรื่องแล้ว Jarl จะอนุญาตให้เราดำเนินการทันที (ข้ามไปอ่านเควส The Fallen ได้เลย)
  • ถ้าสงครามระหว่าง 2 ฝ่ายยังไม่จบ Jarl จะไม่ยอมเพราะห่วงเมือง ให้เราไปคุยกับ Arngier เพื่อขอจัดเจรจาสงบศึก(ชั่วคราว) หลังจากนั้นเราจะต้องไปคุยกับ Ulfric Stormcloak และ แม่ทัพ Tallius เพื่อเชิญให้ไปเจรจา (สำหรับคนที่เข้าร่วมฝ่าย Stormcloak หรือ Imperial แล้ว สองแม่ทัพนี้จะไม่คุยกับคุณตราบที่คุณยังไม่จบเควส The Jagged Crown นะคะ) กลับไปคุยกับ Arngier เขาจะเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้วแล้วจะให้เราไปนั่งประจำที่ในห้องประชุม (รอสักพักการประชุมจะเริ่มเอง เพราะจะมีคนอื่นมาฟังด้วย รอเขาเดินหน่อย)
ตรงนี้จะเป็นเนื้อหาเจรจานะคะ

เริ่มแรก Ulfric จะพูดถึง Elenwen แล้วเราจะเลือกได้ว่าจะ ไล่ Elenwen ออกไปจากห้องไหม
  • เลือก "No, you're right. Elenwen should stay." หรือ "What's the harm? General Tallius doesn't want her here either."   +1 Imperial
  • เลือก "Ulfric has a point. The Thalmor has no business here." +1 Stormcloak
หลังจากนี้ Ulfric จะพูดเรื่อง Markarth
  • เลือก Riften                  +1 Imperial
  • เลือก Winterhold          +1 Stormcloak

ถ้าเลือก Winterhold เราจะต้องกล่อม Tallius ต่อ (เลือก persuade ก่อน) แต่ถ้ากล่อมพลาดก็เลือก "You asked my opinion, I gave it to you." ถ้าจะยืนยันให้ Winterhold

แล้วจะเกิดเถียงกัน แต่ Esbern จะหยุดให้ แล้วเจรจาต่อ ซึ่งจะเป็นเรื่องที่ Karthwesten

  • Ulfric should compensate you for Karthwesten     +1 Imperial
  • Who's to say what happened at Karthwesten?    +1 Stormcloak

เรื่องพื้นที่ The Pale (Dawnstar)
  • I agree. Ulfric should turn over the Pale.                  +1 Imperial
  • Ulfric doesn't need to give up any more territory.   +1 Stormcloak

เรื่องพื้นที่ Hjaalmarch (Morthal)
  • I agree, the Empire should turn over Hjaalmarch           +1 Stormcloak
  • The empire doesn't need to give any more territory       +1 Imperial

จะเลือกยังไงก็แล้วแต่ ให้มองคะแนนไว้ด้วย ถ้าเราเอียงไปข้างใดข้างหนึ่งมากเกิน ตอนเจรจาเสร็จมันจะพูดด่าเรา

หลังเจรจาเสร็จรอให้คุยกันจนจบ แล้ว Esbern จะมาบอก Shout "Call Dragon" แล้วเราจะต้องไป Whiterun ซึ่งตอนนี้ ถ้าเรายังไม่ได้รับเควส Paarthurnax เราจะเจอ Delphine ยัดเยียดให้ หลังจากนั้นให้ไปที่ Dragonsreach เพื่อทำเควสต่อไป

** ในกรณีที่ Jarl อนุญาตให้เราทำทันที อันนี้เราอาจต้องไปคุยกับ Paarthurnax เพื่อเรียน Shout "Call Dragon"

** ระวังด้วย ในระหว่างประชุมตอนที่ Esbern จะต้องพูดบางคนจะไม่มีเสียง ทำให้เกมค้างอยู่แบบนั้น ให้เซฟ ออกจากเกม แล้วเอาตัวแก้บั๊ก Esbern ใบ้ลงค่ะ



15. The Fallen

พอเข้ามาที่ Dragonsreach ให้ไปหา Jarl แล้วบอกว่าพร้อมแล้ว หลังจากนั้นให้เดินไปที่หลังวัง เดินไปตรงระเบียงใหญ่แล้วตะโกนขึ้นฟ้าด้วย Shout "Call Dragon" สักพักมังกรที่โดนเรียกจะบินมา ให้วิ่งล่อมันเข้ามา พอเข้าตำแหน่งมันก็จะโดนกับดักล็อค ตอนนี้มันจะคุยกับเราพอคุยเสร็จ ให้ไปทำอะไรเตรียมตัวให้พร้อมก่อน เพราะพอเราไปคุยกับยามที่ชั้น 2 เพือปลดกับดัก แล้วลงไปคุยกับมันอีกที มันจะพาเราบินไปวิหาร Skuldafn ซึ่งเป็นวิหารที่มังกรเท่านั้นจะไปได้เพราะต้องบินไป

** กรณีที่พลาด มังกรฆ่ายามตาย เราก็ปลดกับดักเองได้นะคะ อยู่ชั้น 2 นั่นล่ะ



16. The World Eater's Eyrie


พอเราบินมาถึง Skuldafn จะพบว่ามีมังกรเต็มไปหมด พร้อม Draugr อีกเป็นฝูง จัดการซะแล้วเข้าไปในวิหาร แต่ถ้า Sneak สูงมากๆ ก็อาจย่องหลบได้หมดเหมือนกัน
ข้างในวิหารจะมีพัซเซิลต้องแก้ 3 อย่าง
  • พัซเซิลแรกจะเป็นเสา 3 เสาแยกกันอยู่ พร้อมสวิทช์ ข้างๆเสา 2 เสาจะมีรูปอยู่บนกำแพงอยู่แล้วว่าเสาต้องเป็นรูปอะไร (มีเสาซ้ายปลาวาฬ กับ เสาขวางู) ส่วนตรงกลางตัวใบ้จะอยู่เหนือทางที่เราต้องไป ให้หมุนเสาเป็นนก สับสวิทช์ วิ่งไปเก็บสมบัติในห้อง หลังจากนั้นกลับมาหมุนเสากลางเป็นงู แล้วสับสวิทช์อีกครั้งแล้วไปต่อ
  • พัซเซิลที่ 2 จะเป็นเสา 3 เสาอีกเหมือนกัน เสากลางอยู่ตรงหน้าทันทีที่เข้าห้อง ส่วนเสาซ้ายขวาต้องขึ้นไปชั้นบน คำใบ้เสาซ้ายขวาจะติดอยู่เหนือทางเดินไปหาเสา (เสาทางซ้ายปลาวาฬ เสาทางขวานก) ส่วนเสาตรงกลางต้องเดินอ้อมไปด้านหลังเสาใหญ่ที่เสาแรกอยู่ (งู) หมุนเสาเสร็จสับสวิทช์ตรงกลางห้องให้สะพานลงมาแล้วไปต่อ
  • พัซเซิลที่ 3 คือ ประตู ให้ฆ่า Draugr ที่อยู่หน้าประตูซะ แล้วค้นศพหยิบ Diamond Claw ออกมา แล้วเปิด Inventory เช็คดู (จากวงนอกเข้าวงใน: หมาป่า - ม็อธ - มังกร) ให้หมุนแล้วเอาเล็บเสียบเปิดประตูแล้วไปต่อ
พอเดินพ้นพัซเซิลที่ 3 มา จะเจอกำแพง ให้เรียน Shout "Storm Call" ซะ แล้วไปต่อ เราจะออกมานอกตัวตึก ตรงนี้ก็จะมี Draugr อยู่เยอะเหมือนกัน พร้อมมังกรบินโฉบไปโฉบมา ให้เดินขึ้นบันไดไป แล้วเราจะเจอ Nahkriin ซึ่งเป็นหนึ่งใน Dragon Priest ฆ่ามันแล้วอย่าลืมหยิบหน้ากากมันมาด้วย (ถ้าไวพอและธนูแรงพอ Sneak Attack ดอกเดียวสามารถฆ่ามันได้ก่อนมันจะดึงคฑาออก) แต่ถ้าเราไม่ทัน มันดึงคฑาออกมาแล้ว ก็ฆ่ามัน หยิบคฑา แล้วเอาคฑาไปเสียบที่เดิม หลังจากนั้นก็เข้าไปใน Portal เพื่อไป Sovngarde




17. Sovngarde


พอเรามาถึง Sovngarde จะพบว่ามีหมอกปกคลุมเต็มไปหมด ระหว่างทางจะเจอ(วิญญาณ)ทหารเดินมาเตือน คุยเสร็จให้ไปต่อ วิ่งตามทางไป ระหว่างทาง Alduin จะโฉบไปมาแต่ไม่โจมตีเรา พอวิ่งไปสุดทางจะเจอ Tsun คุยกับเขา แล้วเขาจะถามคำถามเรา เลือกข้อไหนก็ได้ เพราะเราต้องสู้กับ Tsun อยู่ดี

พอสู้ชนะ เขาจะให้เราเข้าไปข้างใน Hall of Valor ได้ ให้เดินข้ามสะพานกระดูกปลาวาฬแล้วเข้าไป
ข้างใน Hall of Valor ขึ้นกับว่าเราทำเนื้อเรื่องยังไงแค่ไหน จะเจอ Shor หรือ Ysgramor คนใดคนหนึ่งเดินมาคุยกับเรา* หลังจากนั้นให้เราไปคุยกับ Gormliath Golden-Hilt, Hakon One-Eyed แล้วก็ Felldir the Old (3 คนที่เคยสู้กับ Alduin) แล้วเขาจะช่วยเราสู้ Alduin หลังจากเดินคุยเล่นตามใจแล้วก็ออกไปข้างนอกเตรียมรับศึกสุดท้ายได้

* (Unconfirmed) คาดว่าขึ้นกับการทำเนื้อเรื่องย่อย เพราะตอนเข้าไปแบบทำเควสของ Faction ไปหลายแห่งมาก เจอ Shor เดินมา แต่พอไปบบทำเควสของ Faction ไม่จบสักแห่ง เจอ Ysgramor เดินมา



18. Dragonslayer 


พอออกมานอก Hall of Valor ให้วิ่งตามทั้งสามคนข้ามสะพานไป หลังจากนั้นให้ยืนเรียงแถวกับทั้ง 3 คน รอให้พูดให้เสร็จ แล้วใช้ Shout "Clear Sky" ซึ่งทั้ง 3 คนก็จะใช้ด้วยเหมือนกัน เราจะต้องตะโกน 3 ครั้ง พอครบ 3 ครั้ง Alduin ก็จะโผมาสู้กับเรา

การสู้ Alduin ครั้งนี้ง่ายกว่ารอบก่อน เพราะเรามีผู้ช่วย 3 คนช่วยรุม ให้ใช้ Dragonrend เรื่อยๆให้ Alduin กองอยู่ที่พื้น ให้เพื่อนๆเราช่วยอัดได้ ถ้าใครมีโล่แล้วสกิลโล่สูง จะ ใช้ Shield Bash ทำให้ Alduin ชะงักได้ถ้าเกิดมันจะพ่นไฟ แต่ Alduin ก็ยังตีแรงพอตัวอยู่ดี ให้มอง HP ตัวเองไว้ด้วย

หลัง Alduin ตาย จะมีบทสนทนานิดนึง แล้ว Tsun จะเดินมาคุยกับเรา ตอนนี้เราจะเดินเล่นสำรวจแถวนี้ก่อนก็ได้ พอจะกลับก็ให้คุยกับ Tsun แล้วเราจะได้เรียน Shout "Call of Valor" แล้วเราก็จะกลับไปที่โลกมนุษย์
  
นั่งดูคัทซีนไปนะคะ นั่นละ Epilogue ของเนื้อเรื่องหลัก
อนึ่ง... บอกว่าคัทซีน แต่จริงๆเป็นเหตุการณ์คุยยาวๆอะนะ อย่าหวังเลยว่าจะเห็น movie ขึ้น credit ในเกมนี้ เพราะมันไม่มีวันจบหรอก เราจะไปทำอะไรก็ทำสิ... ดำเนินชีวิตตามใจชอบเลย เกมให้อิสระเต็มที่



[Skyrim] Main Quest Chapter 2

เอนทรี่นี้เป็นส่วนหนึ่งของเพจ


หากจะเอาไปลงที่อื่น กรุณาใส่ credit นะคะ ถึงเราจะทำด้วยใจรักก็เหอะ...

MAIN QUEST CHAPTER 2



Diplomatic Immunity
A Cornored Rat
Alduin's Wall
The Throat of the World
Elder Knowledge
Alduin's Bane 


8. Diplomatic Immunity


กลับไปที่ Riverwood คุยกับ Delphine เสร็จแล้วเราจะต้องไปหา Malborn ที่บาร์ The Winking Skeever ในเมือง Solitude คุยกับ Malborn ครั้งนึง เลือก "Our mutual friend sent me." แล้วเลือก "I'm ready. Here's what I need" จากนั้นจะเข้าหน้าจอให้เราเอาของให้ Malborn ให้เอาของที่เราคิดว่าจำเป็นต้องใช้จริงๆในการต่อสู้ หรือ การย่องหลบยามให้ Malborn ไป

หลังจากนั้นเดินไปที่คอกม้านอกเมือง Solitude คุยกับ Delphine แล้ว Delphine จะให้ชุด Party Clothes พร้อม Party Boots มาให้ใส่ซะ แล้วคุยกับ Delphine อีกทีบอกว่าเราพร้อมแล้ว แล้ว Delphine จะเอาของใน Inventory เราไปทั้งหมด เหลือแต่ตัวเราเปล่าๆ ในชุด Party (ของที่เราจะได้มาในตอนอยู่ในสถานฑูตจะเป็นของที่เราฝากให้ Malborn เอาเข้าไปให้เท่านั้น) หลังจากนั้นรถม้าก็จะพาเราไปส่งที่สถานฑูต Thalmor Embassy

พอไปถึง เดินเข้าไปยามจะขอดูบัตรเชิญ ก็ให้เขาดูไป พอเราเดินเข้าไปข้างใน Elenwen จะเดินมาต้อนรับเรา หลังจากคุยสักแป๊บ Malborn จะแทรกเข้ามา แล้ว Elenwen จะปล่อยให้เราเดิน(เนียน) เป็นแขกได้ตามสบาย แต่เราต้องหาอะไรมาดึงความสนใจคนอื่นก่อนถึงจะหลบออกไปได้ วิธีก็มีหลายวิธี

  • สั่งเครื่องดื่มจาก Malborn หรือ Brelas ก็ได้ แล้วเอาให้นาย Razelan ที่นั่งอยู่ทางซ้ายของห้อง
  • คุยกับ Erikur หลังจากนั้นเขาจะทำท่าสนใจ Brelas ให้คุยกับ Erikur แล้วเสนอตัวไปคุยกับ Brelas พอคุยกับ Brelas แล้วกลับไปคุยกับ Erikur อีกครั้ง
  • ถ้าเราทำเควสของเมือง Morthal จนเป็น Thane แล้ว พอคุยกับ Jarl Igrod Ravencrone แล้วขอร้อง เขาจะจัดให้เลย
  • คุยกับ Ondolema (ต้องเคยทำเควส Search and Seizure) แล้วเขาจะไปก่อเรื่องให้

ทำยังไงก็ได้ หลังจากนั้น Malborn จะให้เราไปกับเขา เดินตาม Malborn ไปแล้วเอาอุปกรณ์ที่เราฝากไว้จากหีบ หลังจากนั้นก็ออกไปทางอีกประตูนึง ซึ่งประตูนี้ Malborn จะล็อคทันทีที่เราออกมา เพื่อให้ไม่มีใครตามเราไป

พอออกมาแล้ว จะกดเข้า Sneak โหมดแล้วย่องหลบไป หรือ จะลุยเลยก็ได้ ตามถนัด

พอออกมา ตรงห้องทางซ้ายจะเจอยาม 2 คน คุยกันอยู่ จะรอจนคุยเสร็จแล้วย่องผ่าน หรือ จะเชือดหมดก็ได้ เสร็จแล้วขึ้นบันไดทางขวาไปชั้น 2 ระวังทางซ้ายตรงสุดทางเดินให้ดีเพราะมีนักเวทย์เฝ้ายามอยู่ตรงทางเดินที่ตัดกัน ให้เดินตรงไปแล้วเลี้ยวซ้ายออกประตูไป เราจะไปโผล่ที่สวนกลาง (ไม่ต้องสนลูกศร มันงอแง)

พอออกมาที่สวนกลาง จะเจอยามเต็มไปหมด จะย่องผ่าน หรือ จะฆ่าเรียบก็ได้ แต่จะมีนักเวทย์คนนึงที่ไม่ยอมไปไหนจากหน้าประตู ซึ่งอาจจำเป็นต้องฆ่า หรือ แกล้งทำเสียงดังขณะย่อง แล้วพุ่งเข้าประตูไปก่อนตาตรงกลางจะเปิดแล้วขึ้นว่า Detected

พอเข้ามาใน Elenwen's Solar จะมียามคนนึงอยู่ตรงหน้าเลย แต่เขาจะเดินขึ้นข้างบน (ไม่ต้องสนก็ได้) ให้ไปทางซ้าย เปิดหีบหลังโต๊ะ หยิบเอกสารออกมา สำหรับคนที่ยังไม่ได้อัพแพทช์ 1.4 ให้เดินขึ้นชั้น 2 ไปเก็บอัญมณีในกล่องทองตรงข้างเตียงมาด้วย จากนั้นให้เดินลงไปชั้นใต้ดิน จะเจอพัศดี กับ ผู้คุมทรมานนักโทษอยู่ จะฆ่าก็ได้ แต่ยังไงก็ต้องเปิดหีบข้างๆโต๊ะพัศดี หยิบเอกสารอ่านซะ แล้วไปคุยกับนักโทษ สักพักยาม 2 คนคุมตัว Malborn เดินมา ให้ฆ่าชิงตัว Malborn ค้นศพยามหยิบ Trap Door Key แล้วเปิดประตูลับที่พื้นเผ่นออกถ้ำไป จากนั้นให้กลับไปคุยกับ Delphine ที่ Riverwood คุยเสร็จก็จะเริ่มเควสต่อไป และอย่าลืมหยิบของของเราจากหีบในห้องของ Delphine ด้วย

** ถ้าเราให้ Ondolema ช่วย เจอกันอีกทีครั้งหน้า หมอนี่จะมาไล่อัดเรา
** ถ้าเราให้ Erikur ช่วยจะทำให้ Brelas ไปอยู่ในคุก ซึ่งเราสามารถปล่อยเขาออกมาได้ตอนจะหนี
** หลังจากเควสนี้ Malborn จะไปอยู่ในบาร์ New Gnisis Cornerclub ในเมือง Windhelm และ Elenwen จะจ้างนักฆ่า Dark Brotherhood มาไล่ล่าเราเป็นบางครั้งด้วย
** หินสีชมพูในกล่องทองที่ว่านี้คือ Stone of Barenziah มีทั้งหมด 24 ชิ้นในเกม และถ้าจะจบเควสก็ต้องเก็บให้หมด
** หลังเควสนี้เราจะไม่สามารถเข้าสถานฑูต Thalmor Embassy ได้อีก


9. A Cornered Rat


หลังจากคุยกับ Delphine เราจะต้องหาตัว Esbern ที่คาดว่าอยู่ที่เมือง Riften ซึ่งเราสามารถถามได้จากหลายคน

  • ถามจาก Brynjolf (ตาม Journal) ซึ่งมักจะอยู่ที่กิลด์โจร ถ้าเราเป็นสมาชิกก็ไปถามได้เลย แต่ถ้าไม่ เขาจะให้เราทำเควสเข้ากิลด์โจรก่อน รายละเอียดอ่านได้จาก เอนทรี่ Thieves Guild เรื่องเควส A Chance Arrangement
  • ถามจาก Vekel the Man บาร์เทนเดอร์ประจำ The Ragged Flagon ใน The Ratway ถ้าเป็นสมาชิกก็ถามได้เลยเหมือนกัน แต่ถ้าไม่ใช่ก็ต้องฝ่า The Ratway เข้าไปที่ The Ragged Flagon แล้วอาจต้องต่อยกันสักยก
  • คุยกับบาร์เทนเดอร์กิ้งก่าในบาร์ The Bee and Barb

หลังจากถามเสร็จ จะรู้ว่า Esbern อยู่ที่ Ratway Warrens ซึ่งพอเราเข้าไปจะพบว่ามีพวก Thalmor มาไล่ล่าหาตัว Esbern เหมือนกัน ลุยดันเจี้ยนผ่าไปจนถึงห้องของ Esbern เขาจะระแวงเรามาก จะตอบข้อไหนก็ได้ หรือบอกว่า Delphine ส่งมา แล้วพูดโค้ดที่ Delphine บอกมาว่า "Where were you on the 30th of Frostfall?" ก็ได้ แล้ว Esbern จะให้เราเข้าไป (ตรงนี้ให้เปิดเสียงแล้วฟังด้วยว่ามีเสียงลุงแกพูดไหม เพราะลุงแกจะคุยฝ่ายเดียวระหว่างเปิดประตู ถ้าเสียงเงียบก็ เจอบั๊ก Esbern ใบ้ค่ะ อาจจะเจอไม่เปิดประตูต่อ) หลังจากนั้นก็จะคุยกับเรา(อย่างยาว)

คุยเสร็จ Esbern จะขอเตรียมตัว (เริ่มเควส Alduin's Wall) เสร็จแล้วเราจะต้องพา Esbern ไปหา Delphine พอออกมาจากห้องจะเจอศัตรูด้วย ให้ระวัง ออกมาเสร็จแล้วให้ไปหา Delphine ที่ Riverwood (ลุงแกจะเป็นฝ่ายคุยก่อน) จะมีบทสนทนาอย่างยาว แล้วจะเริ่มเควสต่อไปแบบเต็มๆ

** ใครเจอ Esbern ใบ้คุณมีหลายทางเลือกนะคะ

1. ไปที่โฟลเดอร์ skyrim ในเครื่อง คลิกขวาที่ skyrim.ini แล้ว open with >> notepad เลื่อนลงไปล่างสุดๆของไฟล์เลย แล้วพิมพ์  sResourceArchiveList2=Skyrim - Voices.bsa, Skyrim - VoicesExtra.bsa
กด save ปิด notepad ได้ เข้าเกมใหม่ จะหาย
2. โหลด bsa unpacker จาก http://www.nexusmods.com/oblivion/mods/3117/? จากนั้นจัดการ extract โปรแกรมแล้วเปิดซะ เข้าไปที่ folder Skyrim ในเครื่องคุณ จัดการเลือก Voicesextra.bsa กด extract all แล้วก็เลือก folder data เพื่อเอาใส่ที่เดิม จากนั้นลองปิดแล้วเปิดเกมใหม่ น่าจะหายแล้ว




10. Alduin's Wall

หลังจากพา Esbern มาแล้วคุยกับ Delphine (ความจริงคือ คุยแล้วยืนรอให้ Esbern คุยกับ Delphine แล้วตามไปคุยต่อในห้องลับ) พอคุยจบเราจะต้องไปที่ Sky Heaven Temple ซึ่งต้องเข้าจากทาง Karthspire จะเลือกเดินทางไปพร้อม Esbern กับ Delphine ก็ได้ หรือจะ แยกกันแล้วไปเจอกันที่โน่นก็ได้

พอเราไปถึง Karthspire เราจะต้องเดินผ่านพื้นที่อยู่อาศัยของพวก Forsworn แล้วจะเจอมังกรด้วยตัวนึง จัดการให้หมดแล้วเข้าไปข้างใน

พอเข้าไปข้างใน จัดการศัตรูเกะกะให้หมด ไปต่อจะเจอพัซเซิลสัญลักษณ์ เป็นเสา 3 เสา โดยเราต้องหมุนเสาให้เป็นสัญลักษณ์ Dragonborn ให้หมด

สัญลักษณ์ Dragonborn รูปร่างแบบนี้


หลังหมุนเสร็จ เราจะเข้าไปต่อได้ แล้วจะเจอพัซเซิลต่อไป ซึ่งอันนี้เราต้องเดินเหยียบสัญลักษณ์ Dragonborn ไปดึงสวิทช์ที่อีกฟากของห้อง ถ้าเรามีผู้ติดตาม ให้สั่งให้รอด้วย ไม่งั้นเดินตามมาเหยียบผิด โดนลูกไฟกันอีก

ดึงสวิทช์เสร็จ เดินต่อไปตามทาง จะเจอแท่นวงกลมอยู่ ให้เดินไปสำรวจจะมีเหตุการณ์ แล้วเราจะเข้าไปต่อได้

พอเข้าไปข้างใน รอ Esbern กับ Delphine สักพัก แล้วจะมีบทสนทนาเล่าเรื่อง หลังจากนั้นเราจะต้องไปถามเบาะแสของ Shout "Dragonrend" ที่ High Hrothgar

** ระวังด้วย ถ้าเกิดภาพค้างที่ภาพกำแพง และไม่มีเสียงพูดประกอบ คุณเจอบั๊ก Esbern ใบ้ทำพิษ ขอให้ไปโหลดตัวแก้เองค่ะ (อยู่ข้างบน)




11. The Throat of the World

ให้เดินทางไปที่ High Hrothgar แล้วคุยกับ Arngier หลังจากคุยสักพัก Arngier จะสอน Shout "Clear Sky" ให้เรา หลังจากนั้นให้เดินไปทางลานด้านหลังของ High Hrothgar จะมีทางที่มีพายุหนักมากพัดอยู่ ให้ใช้ Shout "Clear Sky" ทำให้มันหายไปซะ แล้วเดินขึ้นไป (ต้องตะโกนเป็นพักๆ เพราะมีผลแค่ชั่วคราว และครอบคลุมพื้นที่แค่บางส่วนเท่านั้น) พอเดินขึ้นไปถึงข้างบน Paarturnax จะโผล่มาคุยกับเรา หลังจากนั้นเราจะได้เรียน Shout "Fire Breath" คำนึงจากเขา แล้วให้ใช้ Fire Breath ใส่ Paarthurnax แล้วเขาจะคุยกับเราต่อ คุยจบเราจะต้องไปหาเบาะแสของ Elder Scroll แล้วจะเริ่มเควสต่อไป


12. Elder Knowledge 

หลังจากเริ่มเควส ให้เราไปถาม Esbern หรือ Arngier ก็ได้เรื่อง Elder Scroll จะพบว่าเราต้องไปที่วิทยาลัย College of Winterhold ซึ่งถ้าเราเข้าร่วมไปแล้วก็ดีไป แต่ถ้ายัง ก็จะต้องทำเควสย่อยเพื่อเข้าร่วม แต่ถ้าขี้เกียจ ข้ามย่อหน้าข้างล่างไปคุยกับ Septimus เลยค่ะ
  • ถ้าเรายังไม่ได้เข้าร่วมกับวิทยาลัย College of Winterhold พอเราเดินไปถึงทางเข้าวิทยาลัย เราจะเจอ Faralda เดินมาถามเรา พอคุยเสร็จ Faralda จะให้เราร่ายคาถาที่กำหนดยิงใส่พื้น แต่ถ้าเราเลือกข้อ "Would you let a Dragonborn in?" เราก็จะโดนขอให้ตะโกนโชว์แทน
พอเข้าไปแล้วให้เข้าไปที่ Arcanaeum ห้องสมุดประจำวิทยาลัย จะเจอบรรณารักษ์ Urag gro-Shub นั่งอยู่ พอคุยเรื่อง Elder Scroll เขาจะให้หนังสือ 2 เล่ม พออ่านหมดทั้ง 2 เล่ม Urag ก็จะบอกเรื่อง Septimus Signus หลังจากนั้นเราก็จะต้องไปที่ Septimus Signus's Outpost ทางเหนือของวิทยาลัย ให้วิ่งบนพื้นน้ำแข็งไปก็จะถึง (ถ้า Urag ไม่มีตัวเลือกไหนเกี่ยวกับ Elder Scroll ให้ข้ามไปคุยกับ Septimus เลยนะคะ มันเป็นบั๊กที่เควสตีกันเองน่ะ่ค่ะ)

พอเข้าไป ให้คุยกับ Septimus เขาจะขอร้องให้เราช่วยงานเขาหน่อย แล้วจะให้ Attunement Sphere กับ Blank Lexicon มา

ตอนนี้เราเลือกได้ว่าจะไปโบราณสถานของพวก Dwemer (โบราณสถานของพวกดวาร์ฟ หรือ เดมเมอร์) อันใดอันหนึ่งใน 3 อัน คือ Alfthand , Mzinchaleft หรือ Raldbthar

โบราณสถานดวาร์ฟนั้น เป็นดันเจี้ยนขนาดใหญ่(มากๆ) มีหลายโซน แต่ข้อดีคือ เส้นทางตรง และไม่ซับซ้อน แต่ศัตรูข้างในอาจจะเป็นปัญหาสักหน่อย นอกจากเราจะเจอพวกหุ่นกลไกที่พวกนั้นสร้างไว้แล้ว ข้างในยังมีพวก Falmer พร้อมทั้ง Chaurus (หน้าตาคล้ายๆตะขาบผสมแมงป่อง ยิงพิษได้เหมือนแมงมุม) ด้วย ให้ระวัง Dwarven Centurion ให้ดี เพราะตีหนักมากๆ และยังไงก็ต้องสู้กับมัน

เนื่องจากดันเจี้ยนเลือกได้ จึงขอข้ามเนื้อหาย่อยในดันเจี้ยนไป แต่ถ้าเราเข้าไปถึงส่วนลึกสุดของดันเจี้ยน (มักจะเป็นห้องที่ ข้างหน้ามีลิฟท์) ให้สังเกตดูทางซ้ายทางขวา จะมีกลไก Dwarven Mechanism อยู่ ให้กดสำรวจ เราจะเอา Attunement Shere เสียบเข้าไป แล้วจะมีทางไปต่อลงไปที่ Blackreach
พอเราไปถึง Blackreach ให้ไปที่ Tower of Mzark (จะมีลูกศรชี้ ถ้าเปิด Marker ไว้) พอเราเข้าไปแล้วให้ขึ้นไปข้างบน จะเจอแผงกลไก มีปุ่ม 4 ปุ่ม ให้กดสำรวจ เราจะเอา Blank Lexicon ใส่ลงไป แล้วตอนนี้ก็จะเป็นการกดปุ่มไปเรื่อยๆ (ปุ่มนับจากซ้ายไปขวา 1 - 2 - 3 - 4)

ให้เรากดปุ่มที่ 3 ก่อน กดไปเรื่อยๆ จนกระทั่งปุ่มที่ 2 ส่องแสงขึ้นมา ตอนนี้ย้ายไปกดปุ่มที่ 2 แทน กดไปเรื่อยๆเหมือนกัน จนกว่าปุ่มที่ 1 จะส่องแสง หลังจากนั้นกดปุ่มที่ 1 แล้วแคปซูลที่บรรจุ Elder Scroll จะโผล่ออกมา ตอนนี้ให้เราเก็บ Lexicon (ซึ่งตอนนี้จะกลายเป็น Transcribed Lexicon ไปแล้ว) แล้วเดินลงไปเก็บ Elder Scroll จากแคปซูล กลับออกไปข้างนอก (ถ้าเกิดเราดันกดมั่วไปแล้ว ก็มั่วปุ่มไปเลยนะคะ แต่หลักการเดียวกันคือ ต้องให้ปุ่มส่องแสงก่อน)

พอกลับออกมาข้างนอกแล้ว ให้กลับไปหา Paarthurnax ที่ยอดเขา Throat of the World แล้วจะเริ่มเควสต่อไป

** Lexicon ที่อยู่ในเควสนี้ เป็นส่วนหนึ่งของเควส Discerning the Transmundane หลังจากนี้จะไปทำต่อก็ได้ เพราะที่ทำในส่วนสตอรี่หลัก เป็นแค่ครึ่งเดียวของเควส Discerning the Transmundane ค่ะ



13. Alduin's Bane 

คุยกับ Paarthurnax เขาจะให้เราเดินไปที่รอยแผลเวลา (Time's Wound) ที่อยู่ใกล้ๆ เดินไปตามลูกศร ยืนตรงนั้นแล้วกดใช้ Elder Scroll นั่งดูคัทซีนสักพัก พอจบคัทซีน เราจะได้ Shout "Dragonrend" มาใช้
ทันทีที่จบคัทซีน Alduin จะบินมาสู้กับเรา Paarthurnax จะช่วยเราสู้ด้วย ให้ใช้ Dragonrend ตะโกนใส่มันให้มันลงมากองกับพื้น ระวังด้วยเพราะ Alduin โจมตีแรงมากไม่ว่าจะเวลาพ่นไฟ หรือ เวลางับธรรมดา อย่าลืมตะโกน Dragonrend ใส่ทันทีที่เป็นไปได้ เพราะถ้า Alduin บินไปมาละก็ จะเล็งได้ยากมาก
หลังจาก HP ของ Alduin หมดหลอด มันก็จะบินหนีไป แล้วเควสก็จะจบ

** บางครั้งจะมีบั๊กที่ Alduin ไม่ยอมมาโจมตีในคัทซีน อันนี้แก้ได้ด้วยการโหลดเกมก่อนที่เราจะใช้ Elder Scroll แล้วกดใช้ Elder Scroll นอกรอยแผลเวลาครั้งนึง แล้วค่อยเดินไปใช้ตามที่ควรจะเป็น

** หลังจบเควสนี้จะต้องใช้ Elder Scroll อีกในเนื้อเรื่องของ Dawnguard นะคะ อย่าเผลอเอาไปขายให้ Urag ที่ห้องสมุดก่อน ถ้าคุณจะต้องทำเควสอีก




 ** เควสหลักส่วนต่อไปอยู่เอนทรี่หน้านะคะ ย้ายบ้านมาต้องปรับแต่ง Format ใหม่หมด เพราะใส่สปอยเลอร์ไม่ได้ คงมีเอนทรี่งอกอีกพะเรอเกวียนแน่นอน

[Skyrim] Main Quest Chapter 1 (Part 2/2)

เอนทรี่นี้เป็นส่วนหนึ่งของเพจ

หากจะเอาไปลงที่อื่น กรุณาใส่ credit นะคะ ถึงเราจะทำด้วยใจรักก็เหอะ...

MAIN QUEST CHAPTER 1

Part 2/2



The Way of the Voice
The Horn of Jurgen Windcaller
A Blade in the Dark


5. The Way of the Voice

พอเริ่มเควส เราจะต้องเดินทางไปหาเหล่า Greybeard ที่ High Hrothgar เทือกเขาที่สูงที่สุดในสกายริม การเดินทางจะเดินตามถนนไปก็ได้ ศัตรูจะน้อยหน่อย พอไปถึงหมู่บ้าน Ivarstead ซึ่งถือเป็นปากทางขึ้นสู่ High Hrothgar ตอนเดินผ่านหมู่บ้าน เราจะเจอ Klimmek คุยกับอีกคนอยู่ ซึ่งเราจะคุยแล้วรับเควส Climb the Steps เอาของไปส่งด้วยก็ได้ เพราะยังไงก็ไปทางเดียวกัน

ให้เดินขึ้นไปตามทาง ระหว่างทางจะเจอสัตว์ป่าบ้าง ถ้าเป็นกวาง หรือ จิ้งจอกจะไม่ทำอะไรเรา แต่หมาป่า หรือ หมี จะเข้ามาโจมตีทันที แต่ที่ยากที่สุดคือ โทรล ซึ่งมองเห็นเราได้จากระยะไกล และตีหนักมาก (อาจโดน 2-3 ที ตาย) ซึ่งถ้าตัวละครยังไม่เก่ง ให้วิ่งไต่หน้าผาข้างๆอ้อมไป พอไต่อ้อมเสร็จก็ให้ขึ้นไปต่อจนถึง High Hrothgar

พอถึงหน้า High Hrothgar จะเจอหีบขนาดใหญ่อยู่ข้างหน้า ตอนนี้ถ้าเรารับเควสจาก Klimmek มาก็ให้เอา Klimmek's Supplies ที่เขาฝากมาใส่ลงหีบไปซะ หลังจากนั้นก็เข้าไปข้างใน

พอเข้าไปข้างใน Master Arngier จะเข้ามาต้อนรับเรา หลังจากนั้นเขาจะขอให้ช่วยโชว์พลังตะโกนให้เขาดู ให้ใช้ Shout "Unrelenting Force" ตะโกนใส่เขาไป แล้วเขาจะคุยกับเราสักพักก่อนจะสอนคำที่ 2 ใน Shout "Unrelenting Force" ให้เรา หลังจากนั้น เขาจะให้เราตะโกนใส่เป้าที่เขาเสกขึ้นมา 3 ครั้ง พอตะโกนเสร็จ รอบทสนทนาจบ แล้วเดินตามไปที่ลานข้างหลังของ High Hrothgar

ที่ลานข้างหลัง เราจะได้เรียน Shout "Whirlwind Sprint" คำแรก แล้วจะต้องใช้จริงโดยจะมีการสาธิตให้ดูครั้งนึง แล้วเราจะต้องเดินไปยืนข้าง Arngier แล้วใช้ Whirlwind Sprint พุ่งผ่านประตูไปก่อนจะปิด หลังจากนั้น Arngier จะให้เราไปเอาแตรของ Jurgen Windcaller (Horn of Jurgen Windcaller) แล้วจะเริ่มเควสต่อไป

** ทางขึ้นสู่ High Hrothgar เป็นบันไดทั้งหมด 7,000 ขั้น การเดินขึ้นจะเรียกกันว่า 7,000 Steps Pilgrimage ระหว่างทางจะมีศิลา Ethed Tablet หมายเลข I, II, III, IV, V, VI, VII, VIII, IX และ X รวมทั้งหมด 10 แผ่นด้วยกัน ถ้าสำรวจจนครบ 10 แผ่น จะได้ Blessing of the Sky มีผล ทำให้ สัตว์ป่าไม่วิ่งหนี หรือโจมตีเรา เป็นเวลา 1 วัน (โลกจริง)


6. The Horn of Jurgen Windcaller

แตรของ Jurgen Windcaller จะอยู่ที่โบราณสถาน Ustengrav ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมือง Morthal ข้างในจะมีศัตรูประเภท Skeleton (กระดูก) กับ Draugr อยู่ พอเราเดินทางไปถึงก็ให้ลุยฝ่าดันเจี้ยนไปในตอนแรกทางจะยังเป็นทางตรงอยู่ แต่พอเข้าไปใน Ustengrav Depths แล้วจะทางวกวนขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย

พอไปถึง Ustengrav Depths จะพบว่าตัวพื้นที่เป็นพื้นที่กว้าง จะมองดูวิวสักพักก็ได้ หลังจากนั้นเดินลงไปตามทาง พอไปถึงห้องที่มีโต๊ะอาหารอาจจะสับสนทิศทางนิดหน่อยได้ ให้เดินไป แล้วเราจะลงไปถึงข้างล่าง ให้เดินอ้อมไปเรียน Shout "Become Ethereal" ก่อน หลังจากนั้นเดินย้อนไปข้ามสะพานอีกสะพานนึง

พอข้ามสะพานมาเราจะเจอกระดูกรอต้อนรับอยู่ตัวนึง จัดการซะ หลังจากนี้เราต้องตั้งสมาธิกันหน่อย
ตรงนี้จะมีหิน 3 ก้อนเรียงกันเหมือนเป็นลู่วิ่ง ให้เราไปยืนอยู่ที่หินข้างก้อนแรกให้มันส่องแสง ขยับมุมกล้องให้ตาเล็งกลางฉากอยู่กลางประตูพอดี หลังจากนั้นกด Sprint วิ่งตรงไปเลย พอใกล้ถึงประตูให้กดใช้ Shout "Whirlwind Sprint" เราจะพุ่งผ่านประตูกลไก 3 ชั้นไปได้ก่อนมันปิด

ถ้าเราพุ่งแล้วติดก็ต้องไปเริ่มใหม่ หรือถ้าพุ่งไปแล้วไปติดระหว่างประตู 3 ชั้น ก็จะมีสวิทช์เปิดให้เราเดินย้อนไปทำ(พุ่ง)ใหม่ได้

พอพุ่งผ่านประตูไปได้ ประตูก็จะเปิดค้างอยู่อย่างนั้น ตอนนี้พอเดินไปห้องต่อไปจะพบว่ามีกับดักไฟเต็มไปหมด แล้วยังมีแมงมุมเฝ้าอีก จะวิ่งฝ่าแมงมุมหรือจะปล่อยแมงมุมเดินลุยกับดักมาหาจนโดนไฟเผาตายก็ได้ แต่กับดักไฟนี่ถ้าจะให้ดี ให้กด Sprint วิ่งฝ่าไปเลย เพื่อให้เสีย HP น้อยที่สุด

พอไปถึงห้องสุดท้าย พอเราเดินเข้าไปเสาข้างๆจะโผล่ขึ้นมาจากน้ำ แต่ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ แต่เราจะพบว่าของที่เราน่าจะมาเอา หายไปแล้ว แถมมีกระดาษโน้ตมาอยู่แทนซะนี่... แล้วเราจะต้องไปหาคนที่เอาแตรไป ให้ออกจากดันเจี้ยนแล้วไปที่ Riverwood เดินไปที่โรงแรม Sleeping Giant Inn แล้วคุยกับ Delphine บอกว่า "I want to rent the attic room" แล้วเราจะต้องเดินไปที่ห้องทางซ้ายแทน (จะมีลูกศรบอก) สักพัก Delphine จะเดินมาบอกให้ตามเธอไป ก็ตามไปแล้ว Delphine จะคืนแตรให้ แล้วจะต้องคุยกับ Delphine สักพัก แล้วเควส A Blade in the Dark จะเริ่ม แต่ตอนนี้ให้กลับไปที่ High Hrothgar ก่อน
กลับไปที่ High Hrothgar เอาแตรให้ Arngier แล้ว Greybeard ทุกคนก็จะมาที่ห้องโถงกลางกับเรา ตอนนี้เขาจะสอนคำที่สาม ซึ่งเป็นคำสุดท้ายใน Shout "Unrelenting Force" ให้ หลังจากนั้นให้ยืนดูคัทซีนสะท้านสะเทือนสักพัก แล้วเควส The Horn of Jurgen Windcaller ก็จะจบ ส่วนเราก็จะไปทำเควสต่อไปได้(อย่างสบายใจ)

** ตอนเดินตาม Delphine ไป Delphine จะไปหยุดอยู่หน้าตู้พร้อมบอกให้เราปิดประตูซะ ก็ให้ทำตามนะคะ ไม่งั้นเขาจะไม่ยอมเปิดทางลับเพื่อลงไปคุยกับเราเรื่องแตรค่ะ



7. A Blade in the Dark

หลังจากคุยกับ Delphine ก่อนหน้านี้ Delphine จะต้องการที่จะพิสูจน์เรา แล้วจะนัดเราไปที่ Kynesgrove พอเราเดินทางไปถึง จะเจอสาวชาวบ้านชื่อ Iddra เข้ามาหา ให้ถามรายละเอียดจากเธอแล้ววิ่งขึ้นไปข้างบน
พอเราวิ่งขึ้นไปข้างบนก็จะเจอเหตุการณ์เรื่องมังกรต่อหน้าต่อตา แล้วเราจะต้องสู้กับมังกร Sahloknir ให้ฆ่ามันซะ (ฆ่าเสร็จดูดวิญญาณ เก็บกระดูก เก็บเกล็ดเหมือนเดิม) หลังจากนั้นคุยกับ Delphine เสร็จแล้ว เควสต่อไปก็จะเริ่มหลังคุยเสร็จ



** เควสหลักส่วนต่อไปอยู่เอนทรี่หน้านะคะ ย้ายบ้านมาต้องปรับแต่ง Format ใหม่หมด เพราะใส่สปอยเลอร์ไม่ได้ คงมีเอนทรี่งอกอีกพะเรอเกวียนแน่นอน

6/14/2559

[Skyrim] Main Quest Chapter 1 (Part 1/2)

เอนทรี่นี้เป็นส่วนหนึ่งของเพจ

หากจะเอาไปลงที่อื่น กรุณาใส่ credit นะคะ ถึงเราจะทำด้วยใจรักก็เหอะ...

Main Quest Chapter 1

Part 1/2


Unbound
Before the Storms
Bleak Falls Barrow
Dragon Rising

เนื้อเรื่องเควสหลักของเกม เกี่ยวกับมังกร และ โชคชะตาของผู้ที่ถูกเรียกว่า Dragonborn
ทันทีที่เริ่มกด New Game เราจะเข้าสู่เควสที่ 1 "Unbound " โดยอัตโนมัติ
เปิดสปอยเลอร์อ่านเฉพาะเควสที่ต้องการได้เลยนะคะ จะพยายามไม่สปอยล์เนื้อเรื่องค่ะ


1. Unbound

เริ่มเกมมาเราจะอยู่บนรถม้าบรรทุกนักโทษ ซึ่งบนรถคันเดียวกันนี้จะมี Ralof, Jarl Ulfric Stormcloak, แล้วก็ หัวขโมย Lokir ระหว่างนี้จะมีบทสนทนา พร้อมๆกับสอนวิธีเล่นเกมเบื้องต้น (หมุนฉาก มองซ้าย มองขวา) หลังจากนั้นพอรถม้าหยุดให้รอดูเหตุการณ์สักพัก พอ Hadvar คุยกับเรา แล้วจะเข้าสู่หน้าจอสร้างตัวละคร (รายละเอียดเผ่าต่างๆดูในเอนทรี่นี้)

หลังจากนั้นเราจะโดนไล่ไปรวมกับนักโทษประหาร ให้นั่งดูเหตุการณ์ไป แล้วพอถึงคิวเราจะมีมังกรบุก ทำให้โกลาหลกันถ้วนหน้า แล้ว Ralof จะบอกให้ตามเขาไป พอตามไปเราจะมาอยู่ในหอคอยกับ Ulfric แล้วก็ทหาร Stormcloak อื่นๆ แล้วเราจะต้องไปดูลาดเลาข้างบน ให้เดินขึ้นบันไดไปแล้วมังกรจะพังกำแพงเป็นช่องโหว่ แล้ว Ralof จะบอกให้เรากระโดดข้ามไปฝั่งตรงข้าม (สอนการกระโดด) ให้โดดไป แล้ววิ่งลงไปชั้นล่าง พอออกมาจะเจอ Hadvar กับทหาร Imperial กำลังต้านมังกรไป คุ้มครองชาวเมืองไป แล้ว Hadvar จะบอกให้เราตามเขาไปก็ให้ทำตาม แล้วสักพักจะไปเจอ Ralof แล้วต้องเลือกว่าจะไปกับ Ralof หรือ จะไปกับ Hadvar
  • ถ้าไปกับ Ralof พอตามไป Ralof จะแก้มัดให้เรา หลังจากนั้นจะบอกให้เราเอาเกราะของ Gunjar (ศพที่นอนอยู่บนพื้น) ไปใช้ ให้เก็บของจากศพของ Gunjar แล้วใส่ซะ หลังจากนั้น Ralof จะให้เราเช็คประตู (ซึ่งจะพบว่าล็อคหมด) แล้วจะมีทหาร Imperial เข้ามา ให้ฆ่าซะแล้วค้นศพ เอากุญแจไปเปิดประตู
  • ถ้าไปกับ Hadvar พอตามเข้าไป Hadvar จะแก้มัดให้เรา แล้วจะให้เราไปเปิดหีบ หยิบของ หลังจากนั้น Hadvar จะเปิดทางลับ ให้ตาม Hadvar ไปตามทาง จะลงไปที่ห้องที่มีศพของ Gunjar อยู่ แล้วเราจะเจอทหาร Stormcloak อยู่ในห้อง 2 คน ให้ฆ่าให้หมด แล้วตาม Hadvar ไป
ตอนนี้เส้นทางดันเจี้ยนของ Hadvar และ Ralof จะเหมือนกันเป๊ะ ต่างกันแค่ศัตรูที่เจอ ถ้าเราตาม Ralof เราจะต้องสู้กับทหาร Imperial แต่ถ้าเราตาม Hadvar เราจะต้องสู้กับทหาร Stormcloak
เดินตามไปเรื่อยๆ แล้วคนที่เราตามอยู่จะบอกให้เก็บโพชั่นซะ (ให้เก็บให้หมดห้องไปเลย) กลับไปคุยแล้วไปต่อ จะเจอห้องทรมาน หลังจากเหตุการณ์ เขาจะบอกให้ลองสะเดาะกลอนดู (ที่สะเดาะ (lockpick) อยู่บนโต๊ะ) ในกรงจะมี ชุดสายนักเวทย์ พร้อมตำราเวทย์อยู่ นอกจากนี้จะมีโล่หลบมุมอยู่ด้วย ไปเก็บก็ได้

หลังจากนั้นก็ไปตามทางสู้กับศัตรูจนถึงสะพานที่ต้องกดสวิทช์ พอกดสวิทช์แล้วข้ามสะพานไปสะพานจะโดนหินถล่มมาทับ ทำให้ย้อนไปไม่ได้ ตอนนี้ให้เดินไปตามถ้ำจะเจอแมงมุม เจอศัตรูธรรมดาบ้าง แต่พอเจอหมี เราจะมีทางเลือกคือ กดเข้าโหมด sneak (โหมดย่อง) แล้วย่องผ่านไป หรือ จะเอาธนูยิงก็ได้ (แต่ไม่แนะนำ เพราะหมีตบหนักมากในช่วงนี้) ไปตามทางแล้วออกไปข้างนอก
พอออกมาข้างนอก จะเจอเหตุการณ์มังกรบินผ่าน แล้วเพื่อนเราจะแยกทางไป พร้อมบอกให้ไปที่ Riverwood ใกล้ๆ โดยถ้าเรามากับ Hadvar เราจะต้องไปคุยกับ Alvor ที่เป็นลุงของ Hadvar แต่ถ้าเรามากับ Ralof เราจะต้องไปคุยกับ Gerdur ที่เป็นน้องสาวของ Ralof

พอไปถึง Riverwood คุยกับคนที่เราต้องคุย เสร็จแล้วเราจะถูกวานให้ไปบอก Jarl แห่งเมือง Whiterun เรื่องมังกร และจะเริ่มเควสต่อไป


2. Before the Storms

หลังจากออกจาก Riverwood ดูแผนที่ ตอนนี้จะวิ่งเถลไถลไปก่อนก็ได้ เพราะไม่มีจำกัดเวลา แต่ถ้าจะไปเมือง Whiterun เราอาจวิ่งตามถนน หรือ จะวิ่งดิ่งตรงแน่วแบบไม่สนว่ามีศัตรูไหมก็ได้ พอไปถึงหน้าเมือง Whiterun ทหารจะถามเรา จะตอบข้อไหนก็ได้ (แต่ตอบข้อ I have news from Helgen... จะได้เข้าแน่นอน ไม่เสียอะไร) ทหารจะให้เข้าไป ให้เราวิ่งไปที่วัง Dragonsreach ทางด้านบนของเมือง เข้าไปข้างใน เดินตรงไปที่ท้องพระโรง แล้ว Irileth องครักษ์ประจำตัวของ Jarl จะเดินมาถามเรา ตอบเสร็จ Jarl จะคุยกับเรา ระหว่างคุยจะมีตัวเลือก ตอบข้อไหนก็ได้ (แต่ตอบให้ตัวเองดูดีหน่อยก็ดีนะ) หลังจากนั้น Jarl จะขอบคุณที่เรามาแจ้งข่าว แล้วให้เกราะเรามา 1 ชิ้น แล้วจะเริ่มเควสต่อไป

3. Bleak Falls Barrow

หลังจากนั้น Jarl จะขอให้เราช่วยงาน Wizard ประจำราชสำนัก ชื่อ Farengar Secret-Fire เราจะเดินตาม Jarl หรือ จะวิ่งนำ Jarl ไปคุยกับ Farengar ก็ได้ พอคุย เขาจะขอให้เราไปเอา Dragon Stone จาก Bleak Falls Barrow ให้เดินทางไปที่นั่น

พอเราไปถึง Bleak Falls Barrow เราจะเจอพวกโจรมาสู้กับเรา ให้จัดการให้หมดแล้วเข้าไปในดันเจี้ยน
พอเข้าไปจะเจอศพทั้งคน ทั้งสกีเวอร์ (Skeever) แล้วจะเจอโจรคุยกันอยู่ จะรอมันคุยเสร็จก็ได้ แต่ก็ต้องสู้ ให้ไปตามทาง จะมีห้องนึงที่มีโจรกำลังเดินไปสับสวิทช์ แล้วจะเจอกับดักตาย ห้องนี้จะเป็นพัซเซิลต้องแก้ โดยคำตอบที่ถูกจะอยู่ข้างบน (เงยหน้ามองก็เห็น) ให้หมุนเสาเป็น งู - งู - ปลาวาฬ ตามลำดับ แล้วเดินไปสับสวิทช์ เราจะไปต่อได้

เดินไปตามทางจะเจอสกีเวอร์เข้ามาโจมตี (ระวังติดโรคด้วย) ฆ่าเสร็จก็ไปตามทางจะพบว่าทางไปต่อโดนใยแมงมุมหุ้มหนาอั้ก ให้เอาอาวุธฟันให้หมด (ธนูยิงมันก็ขาดเหมือนกัน) พอเข้าไปจะเจอ แมงมุมขนาดตัวเต็มวัย แต่พลังไม่เต็มหลอด ให้สู้กับมัน เสร็จแล้วเดินไปคุยกับ Arvel ที่ติดใยมันอยู่ เลือกข้อไหนก็ได้ ยังไงพอมันหลุดจากใยมันก็จะวิ่งหนี พอตามไปจะพบว่ามันโดน Draugr (ซอมบี้ ลุกขึ้นมาจากหลุม) ตบตาย ให้สู้กับพวก Draugr แล้วค้นศพมัน อย่าลืมหยิบ Golden Claw จากศพของ Arvel มาด้วย พอไปต่อ ระหว่างทางให้ระวังกับดัก จะมีหินที่มีลายก้นหอยขดๆ บนพื้นที่เป็นสวิทช์ทำให้กับดักประตูติดหนามทำงานอยู่ แล้วก็ระวัง Draugr ที่จะมาโจมตีระหว่างทางด้วย พอไปตามทางต่อ เราจะเจอกับดักใบมีดเหวี่ยงไปเหวี่ยงมา ให้กดวิ่ง (Sprint ซึ่งก็คือกด L1 หรือ LB สำหรับคอนโซล และ Alt สำหรับ PC) วิ่งผ่านไป พอผ่านไปให้หันหลัง จะเจอสวิทช์รูปห่วงคล้องอยู่กับโซ่ พอดึงกับดักก็จะหยุด หลังจากนั้นให้ไปตามทางต่อ สังเกตด้วยบางห้องจะมีสวิทช์เปิดประตู ให้ไปตามทางเรื่อยๆจนถึงห้องที่ต้องใช้กงเล็บเปิด (จะเป็นทางเดินที่มีกลไกวงกลมขนาดใหญ่อยู่ที่ประตู) ตอนนี้จะเปิด Inventory ดูกงเล็บก็ได้ หมุนดูจะเห็นว่ามีสัญลักษณ์ 3 แบบเรียงอยู่ ให้หมุนวงแหวนตามนั้น สัญลักษณ์เรียงจากวงนอกเข้าวงในจะเป็น หมี - แมลงปอ - นกฮูก พอหมุนเสร็จ กดตรงกลางเพื่อเอากงเล็บเสียบเปิดประตูไปต่อ

พอเข้าไปจะเจอห้องกว้าง มีกำแพงอยู่ ให้เดินไปใกล้ๆกำแพง แล้วเราจะเรียน shout "Unrelenting Force" แต่ตอนนี้จะยังใช้ไม่ได้ หลังจากนั้น Draugr ที่นอนอยู่ในโลงจะลุกขึ้นมาสู้กับเรา ฆ่ามันซะ แล้วค้นศพมันหยิบ Dragon Stone แล้วออกจากดันเจี้ยน (มีทางออกแบบใกล้ ไม่ต้องเดินย้อนดันเจี้ยนทั้งหมด)

กลับไปที่ Dragonsreach เอาหินให้ Farengar แล้วระหว่างคุย Irileth เข้ามารายงานเรื่องพบเห็นมังกรที่ใกล้ๆ แล้วเราจะต้องไปหา Jarl พร้อม Irileth พอคุยเสร็จ Jarl จะให้เกราะเรามาชิ้นนึง และ อนุญาตให้เราซื้อบ้าน Breeze home ในเมืองได้ (เวลาจะซื้อ คุยกับ Proventus Avenicci บ้านราคา 5000 เฟอร์นิเจอร์แยกต่างหาก) แล้วจะเริ่มเควสต่อไป

** กงเล็บมังกรทอง (Golden Claw) เป็นไอเทมเควสของเึควส The Golden Claw ที่รับได้จาก Lucan Valerius เจ้าของร้าน Riverwood Trader ใน Riverwood ด้วย

4. Dragon Rising

หลังจากจบเควสก่อน Jarl จะขอให้เราไปช่วยสู้มังกรด้วย แล้วให้ไปเจอ Irileth ที่ Western Watch Tower ซึ่งพอเราไปถึง Irileth จะสั่งทหารนิดนึง แล้วจะกระจายกัน พอเราเข้าไปใกล้ๆหอคอย ทหารในหอคอยจะตะโกนว่ามังกรมา แล้วเราจะต้องสู้กับมังกร

มังกรตัวนี้สู้ไม่ยากนัก ถ้ามีธนูจะยิงสอยมันไปเลยก็ได้ระหว่างมันอยู่กลางอากาศ หรือจะรอมันลงจอดบนพื้นแล้วค่อยเข้าไปฟันก็ได้ พอฆ่ามันได้ จะมีเหตุการณ์ที่เราดูดวิญญาณมันเข้าร่างมา แล้วเกมจะบอกให้เราเข้า Menu ไปปลดล็อคพลัง Shout ที่เราเรียนมา (Unrelenting Force) หลังจากนั้นจะมีเหตุการณ์สนทนานิดหน่อย พอจบให้กลับไปรายงาน Jarl

ระหว่างทางกลับ จะมีเสียงตะโกนลึกลับมา พอเรากลับไปถึง Dragonsreach แล้วคุยกับ Jarl เสร็จแล้ว Jarl จะแต่งตั้งเราเป็น Thane of Whiterun พร้อมให้ Lydia มาเป็น Housecarl (คนรับใช้ของขุนนาง) แล้วเควสต่อไปก็จะเริ่ม



เควสหลักส่วนต่อไปอยู่เอนทรี่หน้านะคะ ย้ายบ้านมาต้องปรับแต่ง Format ใหม่หมด เพราะใส่สปอยเลอร์ไม่ได้ คงมีเอนทรี่งอกอีกพะเรอเกวียนแน่นอน