6/16/2559

[Skyrim] Main Quest Chapter 2

เอนทรี่นี้เป็นส่วนหนึ่งของเพจ


หากจะเอาไปลงที่อื่น กรุณาใส่ credit นะคะ ถึงเราจะทำด้วยใจรักก็เหอะ...

MAIN QUEST CHAPTER 2



Diplomatic Immunity
A Cornored Rat
Alduin's Wall
The Throat of the World
Elder Knowledge
Alduin's Bane 


8. Diplomatic Immunity


กลับไปที่ Riverwood คุยกับ Delphine เสร็จแล้วเราจะต้องไปหา Malborn ที่บาร์ The Winking Skeever ในเมือง Solitude คุยกับ Malborn ครั้งนึง เลือก "Our mutual friend sent me." แล้วเลือก "I'm ready. Here's what I need" จากนั้นจะเข้าหน้าจอให้เราเอาของให้ Malborn ให้เอาของที่เราคิดว่าจำเป็นต้องใช้จริงๆในการต่อสู้ หรือ การย่องหลบยามให้ Malborn ไป

หลังจากนั้นเดินไปที่คอกม้านอกเมือง Solitude คุยกับ Delphine แล้ว Delphine จะให้ชุด Party Clothes พร้อม Party Boots มาให้ใส่ซะ แล้วคุยกับ Delphine อีกทีบอกว่าเราพร้อมแล้ว แล้ว Delphine จะเอาของใน Inventory เราไปทั้งหมด เหลือแต่ตัวเราเปล่าๆ ในชุด Party (ของที่เราจะได้มาในตอนอยู่ในสถานฑูตจะเป็นของที่เราฝากให้ Malborn เอาเข้าไปให้เท่านั้น) หลังจากนั้นรถม้าก็จะพาเราไปส่งที่สถานฑูต Thalmor Embassy

พอไปถึง เดินเข้าไปยามจะขอดูบัตรเชิญ ก็ให้เขาดูไป พอเราเดินเข้าไปข้างใน Elenwen จะเดินมาต้อนรับเรา หลังจากคุยสักแป๊บ Malborn จะแทรกเข้ามา แล้ว Elenwen จะปล่อยให้เราเดิน(เนียน) เป็นแขกได้ตามสบาย แต่เราต้องหาอะไรมาดึงความสนใจคนอื่นก่อนถึงจะหลบออกไปได้ วิธีก็มีหลายวิธี

  • สั่งเครื่องดื่มจาก Malborn หรือ Brelas ก็ได้ แล้วเอาให้นาย Razelan ที่นั่งอยู่ทางซ้ายของห้อง
  • คุยกับ Erikur หลังจากนั้นเขาจะทำท่าสนใจ Brelas ให้คุยกับ Erikur แล้วเสนอตัวไปคุยกับ Brelas พอคุยกับ Brelas แล้วกลับไปคุยกับ Erikur อีกครั้ง
  • ถ้าเราทำเควสของเมือง Morthal จนเป็น Thane แล้ว พอคุยกับ Jarl Igrod Ravencrone แล้วขอร้อง เขาจะจัดให้เลย
  • คุยกับ Ondolema (ต้องเคยทำเควส Search and Seizure) แล้วเขาจะไปก่อเรื่องให้

ทำยังไงก็ได้ หลังจากนั้น Malborn จะให้เราไปกับเขา เดินตาม Malborn ไปแล้วเอาอุปกรณ์ที่เราฝากไว้จากหีบ หลังจากนั้นก็ออกไปทางอีกประตูนึง ซึ่งประตูนี้ Malborn จะล็อคทันทีที่เราออกมา เพื่อให้ไม่มีใครตามเราไป

พอออกมาแล้ว จะกดเข้า Sneak โหมดแล้วย่องหลบไป หรือ จะลุยเลยก็ได้ ตามถนัด

พอออกมา ตรงห้องทางซ้ายจะเจอยาม 2 คน คุยกันอยู่ จะรอจนคุยเสร็จแล้วย่องผ่าน หรือ จะเชือดหมดก็ได้ เสร็จแล้วขึ้นบันไดทางขวาไปชั้น 2 ระวังทางซ้ายตรงสุดทางเดินให้ดีเพราะมีนักเวทย์เฝ้ายามอยู่ตรงทางเดินที่ตัดกัน ให้เดินตรงไปแล้วเลี้ยวซ้ายออกประตูไป เราจะไปโผล่ที่สวนกลาง (ไม่ต้องสนลูกศร มันงอแง)

พอออกมาที่สวนกลาง จะเจอยามเต็มไปหมด จะย่องผ่าน หรือ จะฆ่าเรียบก็ได้ แต่จะมีนักเวทย์คนนึงที่ไม่ยอมไปไหนจากหน้าประตู ซึ่งอาจจำเป็นต้องฆ่า หรือ แกล้งทำเสียงดังขณะย่อง แล้วพุ่งเข้าประตูไปก่อนตาตรงกลางจะเปิดแล้วขึ้นว่า Detected

พอเข้ามาใน Elenwen's Solar จะมียามคนนึงอยู่ตรงหน้าเลย แต่เขาจะเดินขึ้นข้างบน (ไม่ต้องสนก็ได้) ให้ไปทางซ้าย เปิดหีบหลังโต๊ะ หยิบเอกสารออกมา สำหรับคนที่ยังไม่ได้อัพแพทช์ 1.4 ให้เดินขึ้นชั้น 2 ไปเก็บอัญมณีในกล่องทองตรงข้างเตียงมาด้วย จากนั้นให้เดินลงไปชั้นใต้ดิน จะเจอพัศดี กับ ผู้คุมทรมานนักโทษอยู่ จะฆ่าก็ได้ แต่ยังไงก็ต้องเปิดหีบข้างๆโต๊ะพัศดี หยิบเอกสารอ่านซะ แล้วไปคุยกับนักโทษ สักพักยาม 2 คนคุมตัว Malborn เดินมา ให้ฆ่าชิงตัว Malborn ค้นศพยามหยิบ Trap Door Key แล้วเปิดประตูลับที่พื้นเผ่นออกถ้ำไป จากนั้นให้กลับไปคุยกับ Delphine ที่ Riverwood คุยเสร็จก็จะเริ่มเควสต่อไป และอย่าลืมหยิบของของเราจากหีบในห้องของ Delphine ด้วย

** ถ้าเราให้ Ondolema ช่วย เจอกันอีกทีครั้งหน้า หมอนี่จะมาไล่อัดเรา
** ถ้าเราให้ Erikur ช่วยจะทำให้ Brelas ไปอยู่ในคุก ซึ่งเราสามารถปล่อยเขาออกมาได้ตอนจะหนี
** หลังจากเควสนี้ Malborn จะไปอยู่ในบาร์ New Gnisis Cornerclub ในเมือง Windhelm และ Elenwen จะจ้างนักฆ่า Dark Brotherhood มาไล่ล่าเราเป็นบางครั้งด้วย
** หินสีชมพูในกล่องทองที่ว่านี้คือ Stone of Barenziah มีทั้งหมด 24 ชิ้นในเกม และถ้าจะจบเควสก็ต้องเก็บให้หมด
** หลังเควสนี้เราจะไม่สามารถเข้าสถานฑูต Thalmor Embassy ได้อีก


9. A Cornered Rat


หลังจากคุยกับ Delphine เราจะต้องหาตัว Esbern ที่คาดว่าอยู่ที่เมือง Riften ซึ่งเราสามารถถามได้จากหลายคน

  • ถามจาก Brynjolf (ตาม Journal) ซึ่งมักจะอยู่ที่กิลด์โจร ถ้าเราเป็นสมาชิกก็ไปถามได้เลย แต่ถ้าไม่ เขาจะให้เราทำเควสเข้ากิลด์โจรก่อน รายละเอียดอ่านได้จาก เอนทรี่ Thieves Guild เรื่องเควส A Chance Arrangement
  • ถามจาก Vekel the Man บาร์เทนเดอร์ประจำ The Ragged Flagon ใน The Ratway ถ้าเป็นสมาชิกก็ถามได้เลยเหมือนกัน แต่ถ้าไม่ใช่ก็ต้องฝ่า The Ratway เข้าไปที่ The Ragged Flagon แล้วอาจต้องต่อยกันสักยก
  • คุยกับบาร์เทนเดอร์กิ้งก่าในบาร์ The Bee and Barb

หลังจากถามเสร็จ จะรู้ว่า Esbern อยู่ที่ Ratway Warrens ซึ่งพอเราเข้าไปจะพบว่ามีพวก Thalmor มาไล่ล่าหาตัว Esbern เหมือนกัน ลุยดันเจี้ยนผ่าไปจนถึงห้องของ Esbern เขาจะระแวงเรามาก จะตอบข้อไหนก็ได้ หรือบอกว่า Delphine ส่งมา แล้วพูดโค้ดที่ Delphine บอกมาว่า "Where were you on the 30th of Frostfall?" ก็ได้ แล้ว Esbern จะให้เราเข้าไป (ตรงนี้ให้เปิดเสียงแล้วฟังด้วยว่ามีเสียงลุงแกพูดไหม เพราะลุงแกจะคุยฝ่ายเดียวระหว่างเปิดประตู ถ้าเสียงเงียบก็ เจอบั๊ก Esbern ใบ้ค่ะ อาจจะเจอไม่เปิดประตูต่อ) หลังจากนั้นก็จะคุยกับเรา(อย่างยาว)

คุยเสร็จ Esbern จะขอเตรียมตัว (เริ่มเควส Alduin's Wall) เสร็จแล้วเราจะต้องพา Esbern ไปหา Delphine พอออกมาจากห้องจะเจอศัตรูด้วย ให้ระวัง ออกมาเสร็จแล้วให้ไปหา Delphine ที่ Riverwood (ลุงแกจะเป็นฝ่ายคุยก่อน) จะมีบทสนทนาอย่างยาว แล้วจะเริ่มเควสต่อไปแบบเต็มๆ

** ใครเจอ Esbern ใบ้คุณมีหลายทางเลือกนะคะ

1. ไปที่โฟลเดอร์ skyrim ในเครื่อง คลิกขวาที่ skyrim.ini แล้ว open with >> notepad เลื่อนลงไปล่างสุดๆของไฟล์เลย แล้วพิมพ์  sResourceArchiveList2=Skyrim - Voices.bsa, Skyrim - VoicesExtra.bsa
กด save ปิด notepad ได้ เข้าเกมใหม่ จะหาย
2. โหลด bsa unpacker จาก http://www.nexusmods.com/oblivion/mods/3117/? จากนั้นจัดการ extract โปรแกรมแล้วเปิดซะ เข้าไปที่ folder Skyrim ในเครื่องคุณ จัดการเลือก Voicesextra.bsa กด extract all แล้วก็เลือก folder data เพื่อเอาใส่ที่เดิม จากนั้นลองปิดแล้วเปิดเกมใหม่ น่าจะหายแล้ว




10. Alduin's Wall

หลังจากพา Esbern มาแล้วคุยกับ Delphine (ความจริงคือ คุยแล้วยืนรอให้ Esbern คุยกับ Delphine แล้วตามไปคุยต่อในห้องลับ) พอคุยจบเราจะต้องไปที่ Sky Heaven Temple ซึ่งต้องเข้าจากทาง Karthspire จะเลือกเดินทางไปพร้อม Esbern กับ Delphine ก็ได้ หรือจะ แยกกันแล้วไปเจอกันที่โน่นก็ได้

พอเราไปถึง Karthspire เราจะต้องเดินผ่านพื้นที่อยู่อาศัยของพวก Forsworn แล้วจะเจอมังกรด้วยตัวนึง จัดการให้หมดแล้วเข้าไปข้างใน

พอเข้าไปข้างใน จัดการศัตรูเกะกะให้หมด ไปต่อจะเจอพัซเซิลสัญลักษณ์ เป็นเสา 3 เสา โดยเราต้องหมุนเสาให้เป็นสัญลักษณ์ Dragonborn ให้หมด

สัญลักษณ์ Dragonborn รูปร่างแบบนี้


หลังหมุนเสร็จ เราจะเข้าไปต่อได้ แล้วจะเจอพัซเซิลต่อไป ซึ่งอันนี้เราต้องเดินเหยียบสัญลักษณ์ Dragonborn ไปดึงสวิทช์ที่อีกฟากของห้อง ถ้าเรามีผู้ติดตาม ให้สั่งให้รอด้วย ไม่งั้นเดินตามมาเหยียบผิด โดนลูกไฟกันอีก

ดึงสวิทช์เสร็จ เดินต่อไปตามทาง จะเจอแท่นวงกลมอยู่ ให้เดินไปสำรวจจะมีเหตุการณ์ แล้วเราจะเข้าไปต่อได้

พอเข้าไปข้างใน รอ Esbern กับ Delphine สักพัก แล้วจะมีบทสนทนาเล่าเรื่อง หลังจากนั้นเราจะต้องไปถามเบาะแสของ Shout "Dragonrend" ที่ High Hrothgar

** ระวังด้วย ถ้าเกิดภาพค้างที่ภาพกำแพง และไม่มีเสียงพูดประกอบ คุณเจอบั๊ก Esbern ใบ้ทำพิษ ขอให้ไปโหลดตัวแก้เองค่ะ (อยู่ข้างบน)




11. The Throat of the World

ให้เดินทางไปที่ High Hrothgar แล้วคุยกับ Arngier หลังจากคุยสักพัก Arngier จะสอน Shout "Clear Sky" ให้เรา หลังจากนั้นให้เดินไปทางลานด้านหลังของ High Hrothgar จะมีทางที่มีพายุหนักมากพัดอยู่ ให้ใช้ Shout "Clear Sky" ทำให้มันหายไปซะ แล้วเดินขึ้นไป (ต้องตะโกนเป็นพักๆ เพราะมีผลแค่ชั่วคราว และครอบคลุมพื้นที่แค่บางส่วนเท่านั้น) พอเดินขึ้นไปถึงข้างบน Paarturnax จะโผล่มาคุยกับเรา หลังจากนั้นเราจะได้เรียน Shout "Fire Breath" คำนึงจากเขา แล้วให้ใช้ Fire Breath ใส่ Paarthurnax แล้วเขาจะคุยกับเราต่อ คุยจบเราจะต้องไปหาเบาะแสของ Elder Scroll แล้วจะเริ่มเควสต่อไป


12. Elder Knowledge 

หลังจากเริ่มเควส ให้เราไปถาม Esbern หรือ Arngier ก็ได้เรื่อง Elder Scroll จะพบว่าเราต้องไปที่วิทยาลัย College of Winterhold ซึ่งถ้าเราเข้าร่วมไปแล้วก็ดีไป แต่ถ้ายัง ก็จะต้องทำเควสย่อยเพื่อเข้าร่วม แต่ถ้าขี้เกียจ ข้ามย่อหน้าข้างล่างไปคุยกับ Septimus เลยค่ะ
  • ถ้าเรายังไม่ได้เข้าร่วมกับวิทยาลัย College of Winterhold พอเราเดินไปถึงทางเข้าวิทยาลัย เราจะเจอ Faralda เดินมาถามเรา พอคุยเสร็จ Faralda จะให้เราร่ายคาถาที่กำหนดยิงใส่พื้น แต่ถ้าเราเลือกข้อ "Would you let a Dragonborn in?" เราก็จะโดนขอให้ตะโกนโชว์แทน
พอเข้าไปแล้วให้เข้าไปที่ Arcanaeum ห้องสมุดประจำวิทยาลัย จะเจอบรรณารักษ์ Urag gro-Shub นั่งอยู่ พอคุยเรื่อง Elder Scroll เขาจะให้หนังสือ 2 เล่ม พออ่านหมดทั้ง 2 เล่ม Urag ก็จะบอกเรื่อง Septimus Signus หลังจากนั้นเราก็จะต้องไปที่ Septimus Signus's Outpost ทางเหนือของวิทยาลัย ให้วิ่งบนพื้นน้ำแข็งไปก็จะถึง (ถ้า Urag ไม่มีตัวเลือกไหนเกี่ยวกับ Elder Scroll ให้ข้ามไปคุยกับ Septimus เลยนะคะ มันเป็นบั๊กที่เควสตีกันเองน่ะ่ค่ะ)

พอเข้าไป ให้คุยกับ Septimus เขาจะขอร้องให้เราช่วยงานเขาหน่อย แล้วจะให้ Attunement Sphere กับ Blank Lexicon มา

ตอนนี้เราเลือกได้ว่าจะไปโบราณสถานของพวก Dwemer (โบราณสถานของพวกดวาร์ฟ หรือ เดมเมอร์) อันใดอันหนึ่งใน 3 อัน คือ Alfthand , Mzinchaleft หรือ Raldbthar

โบราณสถานดวาร์ฟนั้น เป็นดันเจี้ยนขนาดใหญ่(มากๆ) มีหลายโซน แต่ข้อดีคือ เส้นทางตรง และไม่ซับซ้อน แต่ศัตรูข้างในอาจจะเป็นปัญหาสักหน่อย นอกจากเราจะเจอพวกหุ่นกลไกที่พวกนั้นสร้างไว้แล้ว ข้างในยังมีพวก Falmer พร้อมทั้ง Chaurus (หน้าตาคล้ายๆตะขาบผสมแมงป่อง ยิงพิษได้เหมือนแมงมุม) ด้วย ให้ระวัง Dwarven Centurion ให้ดี เพราะตีหนักมากๆ และยังไงก็ต้องสู้กับมัน

เนื่องจากดันเจี้ยนเลือกได้ จึงขอข้ามเนื้อหาย่อยในดันเจี้ยนไป แต่ถ้าเราเข้าไปถึงส่วนลึกสุดของดันเจี้ยน (มักจะเป็นห้องที่ ข้างหน้ามีลิฟท์) ให้สังเกตดูทางซ้ายทางขวา จะมีกลไก Dwarven Mechanism อยู่ ให้กดสำรวจ เราจะเอา Attunement Shere เสียบเข้าไป แล้วจะมีทางไปต่อลงไปที่ Blackreach
พอเราไปถึง Blackreach ให้ไปที่ Tower of Mzark (จะมีลูกศรชี้ ถ้าเปิด Marker ไว้) พอเราเข้าไปแล้วให้ขึ้นไปข้างบน จะเจอแผงกลไก มีปุ่ม 4 ปุ่ม ให้กดสำรวจ เราจะเอา Blank Lexicon ใส่ลงไป แล้วตอนนี้ก็จะเป็นการกดปุ่มไปเรื่อยๆ (ปุ่มนับจากซ้ายไปขวา 1 - 2 - 3 - 4)

ให้เรากดปุ่มที่ 3 ก่อน กดไปเรื่อยๆ จนกระทั่งปุ่มที่ 2 ส่องแสงขึ้นมา ตอนนี้ย้ายไปกดปุ่มที่ 2 แทน กดไปเรื่อยๆเหมือนกัน จนกว่าปุ่มที่ 1 จะส่องแสง หลังจากนั้นกดปุ่มที่ 1 แล้วแคปซูลที่บรรจุ Elder Scroll จะโผล่ออกมา ตอนนี้ให้เราเก็บ Lexicon (ซึ่งตอนนี้จะกลายเป็น Transcribed Lexicon ไปแล้ว) แล้วเดินลงไปเก็บ Elder Scroll จากแคปซูล กลับออกไปข้างนอก (ถ้าเกิดเราดันกดมั่วไปแล้ว ก็มั่วปุ่มไปเลยนะคะ แต่หลักการเดียวกันคือ ต้องให้ปุ่มส่องแสงก่อน)

พอกลับออกมาข้างนอกแล้ว ให้กลับไปหา Paarthurnax ที่ยอดเขา Throat of the World แล้วจะเริ่มเควสต่อไป

** Lexicon ที่อยู่ในเควสนี้ เป็นส่วนหนึ่งของเควส Discerning the Transmundane หลังจากนี้จะไปทำต่อก็ได้ เพราะที่ทำในส่วนสตอรี่หลัก เป็นแค่ครึ่งเดียวของเควส Discerning the Transmundane ค่ะ



13. Alduin's Bane 

คุยกับ Paarthurnax เขาจะให้เราเดินไปที่รอยแผลเวลา (Time's Wound) ที่อยู่ใกล้ๆ เดินไปตามลูกศร ยืนตรงนั้นแล้วกดใช้ Elder Scroll นั่งดูคัทซีนสักพัก พอจบคัทซีน เราจะได้ Shout "Dragonrend" มาใช้
ทันทีที่จบคัทซีน Alduin จะบินมาสู้กับเรา Paarthurnax จะช่วยเราสู้ด้วย ให้ใช้ Dragonrend ตะโกนใส่มันให้มันลงมากองกับพื้น ระวังด้วยเพราะ Alduin โจมตีแรงมากไม่ว่าจะเวลาพ่นไฟ หรือ เวลางับธรรมดา อย่าลืมตะโกน Dragonrend ใส่ทันทีที่เป็นไปได้ เพราะถ้า Alduin บินไปมาละก็ จะเล็งได้ยากมาก
หลังจาก HP ของ Alduin หมดหลอด มันก็จะบินหนีไป แล้วเควสก็จะจบ

** บางครั้งจะมีบั๊กที่ Alduin ไม่ยอมมาโจมตีในคัทซีน อันนี้แก้ได้ด้วยการโหลดเกมก่อนที่เราจะใช้ Elder Scroll แล้วกดใช้ Elder Scroll นอกรอยแผลเวลาครั้งนึง แล้วค่อยเดินไปใช้ตามที่ควรจะเป็น

** หลังจบเควสนี้จะต้องใช้ Elder Scroll อีกในเนื้อเรื่องของ Dawnguard นะคะ อย่าเผลอเอาไปขายให้ Urag ที่ห้องสมุดก่อน ถ้าคุณจะต้องทำเควสอีก




 ** เควสหลักส่วนต่อไปอยู่เอนทรี่หน้านะคะ ย้ายบ้านมาต้องปรับแต่ง Format ใหม่หมด เพราะใส่สปอยเลอร์ไม่ได้ คงมีเอนทรี่งอกอีกพะเรอเกวียนแน่นอน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น